สธ.ลดเตือนภัย “โควิด” เหลือระดับ 3 เผย 54 จังหวัดขาลง นำร่องเปิดผับ-บาร์ ขึ้นกับ ศบค.
วันที่ 9 พ.ค. 65 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับทั่วโลก จากเดิมเราคาดการณ์ว่าช่วงหลังสงกรานต์จะติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่จากความร่วมมืออย่างดีของประชาชนทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ไม่มีการระบาดใหญ่ตามมา
ดังนั้น ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) กรณีโควิด-19 เห็นชอบประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิด-19 จากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ โดยคำแนะนำการเตือนภัยระดับ 3 คือ การไปในสถานที่เสี่ยง ทุกคนงดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ระบบปิด มีการระบายอากาศไม่ดี และสถานที่แออัด ส่วนการร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก การเดินทางข้ามพื้นที่/ข้ามจังหวัด และการเดินทางเข้า-ออกประเทศ หากเป็นคนทั่วไปสามารถดำเนินการได้ แต่ให้เลี่ยงเดินทางไปต่างประเทศ
สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สุงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ 3 เข็ม ให้เลี่ยงร่วมกิจกรรมร่วมกลุ่มจำนวนมาก เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และงดเดินทางไปต่างประเทศ ถือเป็นข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่เกี่ยวกับมาตรการบังคับ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จริงของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มลดลงสอดคล้องกันทั้งหมด เป็นไปตามการคาดการณ์ของ สธ. หรือบางตัวก็แนวโน้มดีขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ขณะนี้มีจังหวัดที่เข้าสู่ระยะทรงตัว (Plateau) แล้ว 23 จังหวัด และสถานการณ์ดีขึ้นอยู่ในระยะขาลง (Declining) 54 จังหวัด แนวโน้มจากสถานการณ์ ก็เข้าสู่ระยะหลังการระบาดใหญ่ (Post-Pandemic) เข้าไปเต็มที
ขอให้ทุกจังหวัดจัดทำแผน ปฏิบัติการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น เพื่อการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน โดยเดินหน้ามาตรการ 2U คือ Universal Prevention ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ใส่หน้ากาก ล้างมือเว้นระยะห่าง และ Universal Vaccination โดยเน้นให้กลุ่ม 608 รับเข็มกระตุ้นมากกว่า 60% และเน้นเรื่อง 3พอ คือ เตียงสีเหลืองสีแดง, ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน และบุคลากรทางการแพทย์ มีเพียงพอต่อการให้บริการที่ได้มาตรฐาน
เมื่อถามว่าผู้ประกอบการสถานบันเทิงเรียกร้องให้พิจารณาเปิดพื้นที่นำร่องผับ บาร์ มีความเป็นไปได้อย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า จะต้องมีการหารือในที่ประชุม ศบค.อีกครั้ง แม้สถานการณ์ค่อนข้างดีขึ้นแต่ยังเปลี่ยนเร็ว ในช่วงวันหยุดพบว่า ประชาชนเริ่มเดินทางมากขึ้น ทำกิจกรรมต่างๆ ใกล้เคียงปกติมาก แต่ยังให้ความร่วมมือในการสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด
แต่อย่างที่เน้นย้ำคือ แต่ละจังหวัดที่จะเปิดขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปดูกลุ่ม 608 เพื่อให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข เน้นย้ำว่าหากผู้ว่าฯ อยากดำเนินการมากขึ้น ซึ่งคาดว่า ศบค.จะอนุญาตเพิ่มขึ้นเป็นระยะ ก็ขอให้เร่งฉีดวัคซีนเพื่อให้ถึงเป้าหมายมากกว่า 60% เพื่อผู้ที่จะพิจารณาอนุมัติให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มี 5 จังหวัดที่ฉีดเข็มกระตุ้นค่อนข้างดี เช่น นนทบุรี และจังหวัดปริมณฑล