ชัชชาติ เซ็นประกาศ กทม.คลายล็อกโควิด ไม่บังคับสวมแมสก์
วันที่ 24 มิ.ย. 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญ ดังนี้
1. ยกเลิกประกาศ กทม. 3 ฉบับ ได้แก่ ประกาศ กทม. เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 49), ประกาศ กทม. เรื่อง เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก และประกาศ กทม. เรื่อง เรื่องมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ลงวันที่ 22 พ.ค. 2564
2. การสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ให้เป็นการปฏิบัติโดยสมัครใจ ขอให้ประชาชนพิจารณาประโยชน์ในการสวมอย่างถูกวิธี ส่วนกรณีอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสถานที่หรือในพื้นที่แออัด ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ควรใส่หน้ากากอนามัยกรณีเป็นผู้เข้าข่ายเสี่ยงติดเชื้อโควิค ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น ส่วนกรณีเป็นผู้ติดเชื้อโควิดหรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากเชื้อโควิค ก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลา เมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น
3. การเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเพื่อการทำงานข้ามเขตกรุงเทพฯ และการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อทำงานในเขตกทม.สามารถดำเนินการภายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบที่กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดำเนินการได้ปกติ
4. ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม สามารถเปิดให้บริการจำหน่ายและการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้
5. สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน สามารถเปิดให้บริการได้
6. สถานเสริมความงาม ร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผม ร้านทำเล็บ และร้านสัก สามารถเปิดดำเนินการและให้บริการได้เมื่อมีความพร้อม
7. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา หรือสถานประกอบการนวดแผนไทย สามารถเปิดดำเนินการได้และให้บริการได้เมื่อมีความพร้อม
8. สถานที่ออกกำลังกาย ยิม ฟิตเนส สามารถเปิดดำเนินการได้และให้บริการเมื่อมีความพร้อม
9. โรงมหรสพ โรงละครการแสดงพื้นบ้าน หรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกัน สามารถเปิดดำเนินการได้และให้บริการได้เมื่อมีความพร้อม
10. สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการอบไอน้ำ อบสมุนไพร สามารถเปิดดำเนินการให้บริการได้เมื่อมีความพร้อม
11. การใช้สถานที่หรือสนามกีฬาเพื่อจัดแข่งขันกีฬา ให้ดำเนินการได้เมื่อมีความพร้อม
12. การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลจำนวนมากให้ทำได้ตามความเหมาะสม โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด กรณีการจัดกิจกรรมที่มีคนมากกว่า 2,000 คน ให้ผู้รับผิดชอบแจ้งการจัดกิจกรรมต่อสำนักงานเขตพื้นที่
13. สถานที่กิจการหรือกิจกรรมอื่นๆที่ไม่ได้กำหนดไว้ในประกาศนี้ สามารถเปิดดำเนินการได้และให้บริการเมื่อมีความพร้อม
ทั้งนี้ ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ 2558 มาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาทและอาจมีความผิดมาตรา 18 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงอยากให้คู่กรณีใช้สิทธิ์โต้แย้งตามมาตรา 30 วรรค 2 (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539