กรมวิทย์ ชี้โควิดสายพันธุ์ BA.4,BA.5 พุ่งพรวด 200 ราย จับตาเข้ม 2 สัปดาห์
วันที่ 24 มิ.ย. ที่โรงแรมริชมอนด์ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้เหลือเพียงสายพันธุ์โอมิครอนเท่านั้นที่ถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ตอนนี้แทบไม่มีสายพันธุ์อื่นๆ หลงเหลืออยู่เลย ทั้งนี้ในส่วนของโอมิครอนนั้นมีสายพันธุ์ย่อยหรือลูกหลานที่น่ากังกวล คือ BA.2.12.1 , BA.2.9.1 BA.2.11 BA.2.13 และ BA.4 BA.5
แต่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ BA..4 BA.5 แต่เพราะมีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง L452R ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับสายพันธุ์เดลตา ทำให้เกิดอันตรายกับปอดมากขึ้น จึงมีความกังวลว่าโอมิครอน BA.4 BA.5 จะแพร่เร็ว และมีความรุนแรงเหมือนกับสายพันธุ์เดลตา อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกมีการวิเคราะห์ข้อมูลในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายพบว่าสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนตัวอื่นๆ มีการติดเชื้อลดลง มีเพียงสายพันธุ์ BA.5 เท่านั้น ที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจาก 16 % เป็น 25 % จึงต้องจับตาใกล้ชิดในสายพันธุ์ BA.5 มากกว่า
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย มีการเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่อง โดยพบสายพันธุ์ BA.4 BA.5 ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีการตรวจแบบเร็วพบ 2 สายพันธุ์ย่อยดังกล่าว 181 ราย ส่งรายงานเข้าไปยัง GISAID แล้ว และในสัปดาห์หลังพบมีการส่งเคสเข้ามาตรวจมากขึ้น จากทั้งโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวพบราวๆ 81 ตัวอย่าง กำลังจะรายงานเข้าไปยัง GISAID แต่ตัวเลขอาจจะทับซ้อนกับรายงานก่อนหน้านี้
ดังนั้น จึงพอสรุปคร่าวๆ ได้ว่ามีการพบสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวประมาณ 200 ตัวอย่างนิดๆ ส่วนใหญ่พบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจเป็นเพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้ศูนย์ตรวจ เลยส่งตรวจมามาก แต่ไม่ใช่ว่าพบความผิดปกติเลยส่งมาตรวจ แต่เพราะติดตามสถานการณ์โลก จึงเฝ้าระวังกันมากขึ้น ทั้งนี้ 72.7% เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ อีก 27.3% เป็นการติดเชื้อในประเทศ โดยสัปดาห์หลังนี้มีรายงานพุ่งพรวดขึ้นมา 50% คงต้องรออีก 2-3 สัปดาห์ถึงจะเห็นแนวโน้มจริงของการระบาดของสายพันธุ์นี้ในประเทศไทย
เมื่อถามว่า กลุ่มอาการ BA.4 BA.5 เป็นอย่างไร โดยพบรายงานว่าในพื้นที่กทม.มีรายงานผู้ติดเชื้อมีอาการ อัตราการครองเตียงเพิ่มขึ้น 10 % นั้น มีความสัมพันธ์กับ 2 สายพันธุ์นี้หรือไม่ นพ.ศุกภิจ กล่าวว่า ไม่มีรายงานผู้ที่มีอาการหนัก หรือเสียชีวิตจากสายพันธุ์นี้เข้ามา ส่วนพื้นที่กทม.ที่มีรายงานอาการหนักครองเตียงเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้มีการตรวจหาสายพันธุ์ในกลุ่มผู้มีอาการหนักตรงนี้ ส่วนเรื่องยารักษาโรคปัจจุบันที่มีอยู่นั้นยังสามารถรักษาได้