เริ่มแล้ว! ปรับ “โควิด” เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ใช้โมเดลแบบไข้หวัดใหญ่ เน้นรักษาอาการ
วันที่ 1 ต.ค. 65 นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงการรายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้โควิดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ประชาชนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ปกติทั้งหมด แต่ผู้ที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ แม้จะไม่ใช่โควิด ก็ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ โดยใช้โมเดลของโรคไข้หวัดใหญ่เป็นตัวจับ ฉะนั้นการระบาดจะเป็นลักษณะฤดูกาล แม้จะมีผู้ที่ไม่ค่อยสวมหน้ากากแล้ว แต่เรามีผู้ที่เคยติดเชื้อรวมกับผู้ที่รับวัคซีน เกิน 90% มีภูมิคุ้มกันแล้ว ฉะนั้นอาการป่วยก็จะน้อย ไม่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ ไม่เสียชีวิต ก็จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเหมือนสมัยก่อนที่เรายังไม่ได้รับวัคซีน
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ยังต้องกังวลคือ กลุ่มเสี่ยงที่ไม่รับวัคซีน ต้องรณรงค์ต่อ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัว โดยหลังจากนี้จะรายงานข้อมูลผู้ป่วยที่มีอาการหนักและเสียชีวิตผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรคเป็นรายสัปดาห์ ให้สอดคล้องกับการปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งตามปกติก็จะรายงานรายสัปดาห์ เช่น โรคไข้หวัด
การดูตัวเลขรายสัปดาห์จะดีกว่ารายวันที่จะแกว่งมาก ส่วนการรักษาผู้ป่วยโควิดจากนี้ หากเข้านอนรพ.จะรักษาจนกว่าอาการจะหายดี เราจะเน้นที่อาการ ไม่เน้นเชื้อ เพราะแม้จะยังตรวจพบเชื้ออยู่ แต่ถ้าอาการป่วยหายแล้ว ก็ออกจาก รพ.ได้
นพ.จักรรัฐกล่าวว่า การเฝ้าระวังจะต้องดูตัวเลขในคลัสเตอร์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ ถ้าระบาดในจังหวัดก็จะเข้าไปควบคุมโรค หรือสั่งปิดสถานที่ แต่ถ้าระบาดเป็นวงกว้างก็จะเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกทม. ในการบริหารจัดการ
อย่างไรก็ดี ถ้ามีการระบาดมากกว่า 1 จังหวัด อธิบดีกรมควบคุมโรค สามารถประกาศเขตระบาดได้ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่ไม่จำเป็นต้องปิดทั้งประเทศเหมือนสมัยก่อน ยกเว้นกรณียาและวัคซีนไม่ได้ผลแล้ว แต่ตอนนี้ยังใช้ได้ผลดีอยู่