ญี่ปุ่น เตรียมดีเดย์โควิด-19 เป็นโรคติดเชื้อทั่วไป พ.ค.นี้
เกียวโดนิวส์ รายงานวันที่ 27 ม.ค. 66 ญี่ปุ่นวางแผนที่จะจัดประเภทโรคติดต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ให้อยู่ในประเภทเดียวกับโรคติดเชื้อทั่วไป เช่น ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล มีผลตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.
แหล่งข่าวของรัฐบาลระบุเมื่อวันพฤหัสบดี คาดว่าในวันศุกร์หน่วยงานของรัฐบาลจะตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดระดับหมวดหมู่ของโรคโควิด-19 เป็นระดับ 5 โดยผ่อนคลายขั้นตอนที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน รวมถึงมาตรการที่เข้มงวดและการกำหนดโรงพยาบาลสำหรับการรักษา เนื่องจากโรคนี้ลดความรุนแรง
ปัจจุบัน ภายใต้กฎหมายในญี่ปุ่นกำหนดให้โรคโควิด-19 อยู่ในหมวดหมู่พิเศษเทียบเท่าหรือเข้มงวดกว่าระดับ 2 ซึ่งครอบคลุมโรคติดเชื้อ เช่น วัณโรค และโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เขาจะ “ค่อยๆ” ทบทวนข้อจำกัดของโควิด-19 ทั้งได้แสดงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะยังแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการฉีดวัคซีนในขณะนี้ แม้ว่าจะเป็นภายหลังจากลดสถานะของโรคแล้วก็ตาม แหล่งข่าวกล่าว
คิชิดะ มีความกระตือรือร้นที่จะแก้ไขกฎเกี่ยวกับการสวมหน้ากากป้องกัน ดังนั้น การสวมหน้ากากจึงน่าจะเป็นการตัดสินใจของบุคคล
ญี่ปุ่นล้าหลังประเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่นๆ ในการผ่อนปรนข้อจำกัดด้านโควิด-19 ท่ามกลางความหวาดกลัวเกี่ยวกับการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น
เมื่อโควิด-19 ถูกลดเป็นระดับ 5 ข้อกำหนดระยะเวลามาตรการกักกัน 7 วันสำหรับผู้ที่ติดเชื้อไวรัส และ 5 วันสำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อจะถูกยกเลิก
ผู้ป่วยโควิด-19 จะได้รับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลธรรมดาแทนสถานพยาบาลที่กำหนด และรัฐบาลจะหยุดจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าดูแลผู้ติดเชื้อ
แหล่งข่าวยังกล่าวว่า ในเดือนมีนาคม รัฐบาลคิชิดะจะตัดสินใจว่ารัฐบาลจะจัดหาเงินทุนจำนวนเท่าใดสำหรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และระยะเวลาที่เงินทุนดังกล่าวจะดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ แม้ว่าในอนาคตจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีก การประกาศภาวะฉุกเฉินหรือกึ่งสภาวะฉุกเฉินจะไม่ถูกบังคับใช้
ญี่ปุ่นจะอยู่ท่ามกลางการติดเชื้อระลอกที่ 8 แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาลดสถานะของโรคเนื่องจากการฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างครอบคลุม ท่ามกลางปัจจัยอื่นๆ ทำให้โรคนี้เสียชีวิตน้อยลง ทั้งยังมีเสียงเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นในการกลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดโรค
รัฐบาลยังวางแผนที่จะยกเลิกกฎระเบียบเกี่ยวกับโควิด-19 ในกิจกรรมต่างๆ โดยอนุญาตให้ผู้ชมโห่ร้องและส่งเสียงได้ แม้ว่าสถานที่จะเป็นพื้นที่แออัดเต็มความจุก็ตาม แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
ทั้งนี้ ปัจจุบันรัฐบาลอนุญาตให้พูดเสียงดังในกิจกรรมขนาดใหญ่ เช่น เกมกีฬาระดับมืออาชีพหรือคอนเสิร์ต เฉพาะเมื่อผู้เข้าร่วมอยู่ในขีดจำกัดสูงสุดที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของความจุของสถานที่