สธ.เผยป่วย “โควิด” ลดลง ดับส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง ขอฉีดให้ครบ 4 เข็ม
วันที่ 30 ม.ค. 66 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทย ในสัปดาห์ที่ 4 วันที่ 22-28 ม.ค. 2566 มีผู้ป่วยรักษาใน รพ. 472 ราย เฉลี่ย 67 ราย/วัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 160 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 99 ราย และผู้เสียชีวิต 29 ราย เฉลี่ย 4 ราย/วัน ถือว่ามีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับเพียง 1 เข็ม ดังนั้น ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 มารับวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม เพื่อช่วยลดการป่วยอาการหนักและการเสียชีวิต
สำหรับการเฝ้าระวังโรคยังดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งในสถานพยาบาลและสถานที่เสี่ยง รวมทั้งเตรียมพร้อมรับผู้เดินทางจากต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยประสานภาคการท่องเที่ยวให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK ในกลุ่มผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวเป็นประจำทุกสัปดาห์ และแจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า กรณีพบการระบาดในลักษณะคลัสเตอร์ โดยผลการตรวจ RT-PCR ในผู้เดินทางก่อนออกนอกประเทศ ระหว่างวันที่ 8-21 ม.ค. 2566 จำนวน 828 ราย พบผู้ติดเชื้อ 33 ราย คิดเป็น 3.99% เป็นคนจีน 12 ราย คนไทย 9 ราย และสัญชาติอื่นๆ 12 ราย
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ที่พบในไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่ายังเป็นสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 ถึง 90% ซึ่งภูมิคุ้มกันออกฤทธิ์ชนิดยาว (LAAB) ยังใช้ได้ผลดี เพราะสามารถลบล้างฤทธิ์เชื้อไวรัส BA.2.75 ได้ จึงปรับแนวทางเพื่อเพิ่มการเข้าถึงในกลุ่มเสี่ยงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน และกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ทั้งในสถานพยาบาลและสถานดูแลผู้สูงอายุ
นพ.โอกาส กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนทั่วไป ยังแนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรค ได้แก่ การฉีดวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK และสวมหน้ากากขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น รวมทั้งสวมหน้ากากในสถานที่สาธารณะ เช่น โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และขนส่งสาธารณะ
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า การให้บริการวัคซีนโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะนี้เปิดจุดบริการใน 31 จังหวัด รวม 128 แห่ง แยกเป็น ภาคกลาง 5 จังหวัด ภาคเหนือ 8 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ภาคใต้ 8 จังหวัด ภาคตะวันออก 2 จังหวัด และภาคตะวันตก 2 จังหวัด
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า หน่วยบริการภาครัฐนอกสังกัด สธ. ที่ประสงค์จะเปิดให้บริการวัคซีนโควิดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถแจ้งกรมควบคุมโรคและทำเรื่องขอสนับสนุนวัคซีนผ่านต้นสังกัดได้ ส่วนหน่วยบริการภาคเอกชน อยู่ระหว่างการจัดทำแนวทางและรายละเอียดการดำเนินการ ขณะนี้จึงยังไม่มีการอนุมัติให้เปิดบริการ