กรมควบคุมโรค ยันวัคซีนโควิด mRNA มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยสูง
วันที่ 27 ก.พ. 66 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยังคงเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดอัตราการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต ยืนยันว่าวัคซีนชนิด mRNA ที่ประเทศไทยจัดหามาทั้งชนิดรุ่นเก่า (monovalent) และรุ่นใหม่ (bivalent) มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระดับสูง โดยก่อนที่ สธ.จะออกคำแนะนำการใช้วัคซีนโควิด 19 ในทุกครั้ง ได้ผ่านการพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคถึงประสิทธิภาพ ความสามารถในการลดการติดเชื้อ ป่วยหนัก และลดการเสียชีวิตหากฉีดวัคซีนได้ครบถ้วน คํานึงเรื่องความปลอดภัยเป็นสําคัญ หากพบเคสที่มีอาการรุนแรงภายหลังรับวัคซีน คณะผู้เชี่ยวชาญเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) จะลงไปดูรายละเอียดว่าเป็นผลจากวัคซีนหรือไม่ในทุกราย
“ปัจจุบันไทยฉีดวัคซีนไปมากกว่า 146 ล้านโดส จำนวนนี้เป็นวัคซีน mRNA มากกว่า 55 ล้านโดส วัคซีนมีประสิทธิภาพดี มีความปลอดภัยสูง อาการข้างเคียงที่พบบ่อย มักเป็นอาการไม่รุนแรง เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด หรืออาจมีไข้ต่ำๆ สำหรับอาการข้างเคียงที่รุนแรง เช่น การแพ้วัคซีน จะพบได้น้อยมาก” นพ.ธเรศกล่าว
นพ.ธเรศกล่าวว่า กรณีที่มีการส่งต่อข้อความในสื่อโซเชียลเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจและสมองอักเสบจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA สธ.ได้ตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการจากต่างประเทศพบว่า ปัจจุบันยังไม่พบความเกี่ยวข้องของการเกิดอาการสมองอักเสบกับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA ส่วนอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบตามหลังการฉีดวัคซีน ข้อมูลในไทยพบได้ประมาณ 1 ราย ต่อการฉีดหนึ่งล้านเข็ม ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำมาก และส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง กลับกันพบผู้ป่วยโควิด 19 จะมีโอกาสเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบมากกว่า 5-10 เท่า และมีความรุนแรงสูงกว่ามากโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เมื่อติดเชื้อโควิดจะมีโอกาสเข้าไอซียูหรือเสียชีวิตจากภาวะทางหัวใจและปอดได้สูงหากไม่ฉีดวัคซีน แต่ถ้าได้รับฉีดวัคซีนภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้จะพบได้น้อยลงมากแม้จะเป็นโควิด ดังนั้นจึงอาจพูดได้ว่าการฉีดวัคซีนช่วยลดโอกาสเกิดหัวใจอักเสบจากโรคโควิด 19 ได้
ด้าน ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ หัวหน้าสาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การฉีดวัคซีน mRNA ผ่านจุดที่เรียกว่า “ทดลอง” มานานแล้ว เพราะวัคซีน mRNA มีการฉีดไปแล้วมากกว่าพันล้านโดสทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ต้องเรียกว่าเป็นวัคซีนที่มีการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัย ตามกระบวนการที่เข้มงวด ทั้งก่อนและหลังขึ้นทะเบียน นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากการศึกษาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมในประชากรที่แตกต่างกัน ผลออกมาชัดเจนว่า ยิ่งอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเท่าใด จำนวนผู้ป่วยรวมถึงอัตราการเสียชีวิตในประชากรจะยิ่งลดลง ซึ่งเน้นย้ำให้เราเห็นว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายโรค และป้องกันการเสียชีวิตในประชากรได้จริง และยังช่วยลดการเกิดภาวะลองโควิด หรืออาการตกค้างหลังจากหายจากโรคโควิดแล้วได้ด้วย และที่สำคัญคือในเด็กวัคซีนจะป้องกันภาวะมิสซี (MIS-C) ซึ่งทำให้เด็กป่วยหนักมากได้
ส่วนภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบตามหลังการฉีดวัคซีนชนิด mRNA นั้น ในต่างประเทศมีรายงานอยู่ที่ประมาณ 1 ในแสนโดส ในผู้ที่อายุน้อยและวัยรุ่น ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แต่ในประเทศไทยพบน้อยกว่ามาก คือเฉลี่ยประมาณ 1 ในล้านโดส ซึ่งมักมีอาการไม่รุนแรง การฉีดวัคซีนอาจทำให้เกิดอาการไข้ เพลีย บางคนหัวใจเต้นเร็วขึ้นและมีความดันโลหิตสูงขึ้นได้ชั่วคราว จึงขอให้พักผ่อนให้เพียงพอหลังการฉีดวัคซีน งดออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงสัปดาห์แรกของการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะผู้ชายที่อายุน้อยกว่า 30 ปี หากมีอาการผิดปรกติ ให้รีบไปพบแพทย์ ซึ่งจะได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม