“หมอยง” เผยแนวโน้มโควิด-19 ระบาดมากขึ้นหลังเลือกตั้ง-ช่วงนักเรียนเปิดเทอม แนะกลุ่มเสี่ยงควรฉีดวัคซีน
วันที่ 2 พ.ค. 66 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเรื่องโควิด-19 การระบาดมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยระบุว่า โรคโควิด-19 ได้ปรับตัวเป็นโรคประจำฤดูกาล และสำหรับประเทศไทย จะเริ่มระบาดเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน โดยเฉพาะในช่วงนักเรียนเปิดเทอมแรก และในปีนี้ประกอบกับมีการหาเสียงเลือกตั้ง มีการรวมคนหมู่มาก โอกาสที่จะแพร่กระจายได้มาก โรคจะพบมากขึ้นในปลายเดือนนี้หลังเลือกตั้ง และนักเรียนเปิดเทอมแล้ว
สายพันธุ์ที่พบขณะนี้ ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็น XBB โดยเฉพาะ XBB.1.5 ได้เข้ามาแทนที่สายพันธุ์ที่ระบาด ตั้งแต่ต้นปีมา คือ BA.2.75 แล้ว แต่สายพันธุ์ทั้งหมด ก็ยังเป็นลูกหลานของ โอมิครอน โดยที่สายพันธุ์ไหนติดได้ง่ายกว่า หลบหลีกภูมิต้านทานได้เก่งกว่า ก็จะเข้ามาแทนที่ สายพันธุ์ดาวดวงแก้ว XBB.1.16 ก็ยังพบน้อยมาก ทุกสายพันธุ์ที่กระจายทั่วโลกขณะนี้ ความรุนแรงของโรคลดลงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ดั้งเดิม (มากกว่า 90%) ผู้ที่เป็นรุนแรง หรือเสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยงหรือที่เราเรียกว่า 608
วัคซีนที่มีอยู่ขณะนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ ดังนั้นกลุ่มเสี่ยง เปราะบาง ควรจะได้รับวัคซีนป้องกัน และให้ถือเป็นวัคซีนประจำฤดูกาลที่จะต้องฉีดก่อนเข้าสู่ฤดูฝนคือในเดือนนี้ เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยสามารถให้พร้อมกันได้โดยฉีดกันคนละตำแหน่งหรือคนละข้างแขน
วัคซีนที่ใช้อยู่ขณะนี้ถ้าเป็น mRNA วัคซีน จะเป็นชนิด 2 สายพันธุ์ bivalent คือสายพันธุ์ดั้งเดิม อู่ฮั่น รวมกับ โอมิครอน ที่ใช้อยู่ในบ้านเราถ้าเป็นไฟเซอร์ก็จะเป็น BA.1 ส่วนของ Moderna ก็จะเป็น BA.5 โดยของ Moderna จะมีปริมาณ RNA เพียงครึ่งหนึ่ง (50 mcg) ของวัคซีนสายพันธุ์เดี่ยวที่เราเคยใช้ในอดีต (100 mcg)
ในบุคคลที่แข็งแรงดีและมีอายุน้อยกว่า 60 ปี การฉีดวัคซีนเป็นไปตามความสมัครใจ เพราะความรุนแรงของโรคจะน้อยกว่ากลุ่มเสี่ยง 608 ในที่สุดในระยะเวลาอันใกล้นี้เชื่อว่า องค์การอนามัยโลกคงจะเลิกนับจำนวนผู้ที่ติดเชื้อ เพราะตัวเลขที่รายงานเข้าสู่องค์การอนามัยโลก ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก รวมทั้งของประเทศไทยก็ไม่ได้นับจำนวนผู้ที่ติดเชื้อแล้ว นับเฉพาะผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และผู้ที่เสียชีวิต จำนวนผู้ที่ติดเชื้อมีมากกว่าจำนวนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายสิบเท่า