คิกออฟ! “อนุทิน” ชวนกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีน “โควิด-ไข้หวัดใหญ่” สู้หน้าฝน หลังสงกรานต์พบป่วย-ตายเพิ่ม
วันที่ 3 พฤษภาคม ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม World Immunization Week: 2023 Vaccine for Everyone “Episode II: วัคซีนคู่ สู้หน้าฝน (Dual Immunity)” โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมงาน ทั้งนี้ นพ.โอภาส ยังได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มคู่ ทั้งไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด19
ชวนกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และโควิด19
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดกิจกรรมเพื่อเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยง บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการรับบริการฉีดวัคซีนเข็มคู่ ทั้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนป้องกันโควิด19 เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้ประชาชน โดยเฉพาะช่วงเข้าฤดูฝน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดจุดบริการตามโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งหากเป็นกลุ่มเสี่ยงสามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ และยังสามารถรับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นได้ โดยประชาชนกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ตามเกณฑ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถมารับวัคซีนโควิดได้ หากเคยรับมาแล้วเกิน 6 เดือนก็มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ และจากนี้ไปวัคซีนโควิดจะมารับได้ปีละ 1 เข็ม
ลดค่าบริการฉีดวัคซีนบุคลากรจาก 60 เหลือ 20 บาท
นายอนุทิน กล่าวว่า ในกลุ่มเสี่ยงสามารถมารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ทุกสิทธิ์การรักษา ส่วนวัคซีนโควิดสามารถมารับได้ประชาชนทุกคน โดยในส่วนวัคซีนโควิด19 ได้จัดเตรียมไว้อย่างเพียงพอ ส่วนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กระทรวงสาธารณสุขมุ่งหวังให้กลุ่มเสี่ยงได้รับการฉีดครอบคลุมมากขึ้น จึงได้ปรับลดค่าบริการฉีดวัคซีนจาก 60 บาทเหลือ 20 บาทต่อครั้ง เพื่อให้ สปสช.นำเงินค่าบริการส่วนนี้ไปปรับเป็นงบประมาณจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเติม ช่วยประหยัดงบประมาณ โดยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา บอร์ด สปสช. ได้มีมติเห็นชอบให้จัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มอีก 8.6 แสนโดส เมื่อรวมกับวัคซีนที่ สปสช. จัดซื้อสำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยงปีนี้ 4.4 ล้านโดส จะมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้บริการทั้งสิ้น 5.26 ล้านโดส
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีโดยหลักเราต้องการให้กลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นหลักก่อนหรือไม่ แต่สามารถฉีดวัคซีนโควิดควบคู่ได้ด้วย หากรับวัคซีนโควิดมานานแล้ว นายอนุทินกล่าวว่า นัยยะเป็นเช่นนั้น เพราะวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่มีการให้บริการฉีดให้กลุ่มเสี่ยงทุกปีอยู่แล้ว แต่ด้วยความอยากให้กลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนโควิดด้วย จึงได้ขอให้ทางผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการศึกษาเรื่องนี้ว่า สามารถฉีดวัคซีนโควิดควบคู่กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ไม่มีปัญหาอะไร มีความปลอดภัยมีประสิทธิภาพ เรียกว่า มาครั้งเดียวสามารถฉีดวัคซีนเข็มคู่ ทั้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนโควิดได้ เพราะกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับทั้งวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และโควิด มีความใกล้เคียงกัน
ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเร่งรัดติดตามให้กลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัยได้รับวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์ เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันหมู่ของประเทศให้สูงเพียงพอต่อการป้องกันโรค โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูงต่อภาวะป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด 19 ที่คาดว่าจะมีการระบาดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูฝน การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทั้ง 2 โรคควบคู่กันจึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่จะช่วยปกป้องกลุ่มเสี่ยงและคนรอบข้างได้ การจัดกิจกรรมในวันนี้จึงเน้นการสื่อสารภายใต้กรอบแนวคิด “วัคซีนคู่ สู้หน้าฝน” เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงตระหนักและมารับวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ช่วยลดความรุนแรงและลดการเสียชีวิต
ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดช่วยลดความรุนแรงของโรค โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 10 คนและมีการพบผู้เสียชีวิตตามบ้าน ว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิต 10 คน มี 6 คนเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว และเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดเป็นครั้งแรก อีก 4 คนเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนนานแล้วยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น จึงมีโอกาสที่จะป่วยหนักได้ ดังนั้นการรับวัคซีนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุรวมทั้งกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ที่จะช่วยลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้การพบผู้เสียชีวิตตามบ้านแสดงให้เห็นว่าเรายังมีปัญหานี้ซ่อนอยู่ สิ่งที่จะทำได้คือ การให้ อสม.เคาะประตูบ้าน สำรวจและชวนมารรับวัคซีน หรือนำวัคซีนไปฉีดที่บ้าน ทั้งนี้สายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าจะมีความรุนแรงลดลง และไม่รุนแรง แต่ไม่รุนแรงสำหรับคนที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน ไม่ใช่สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งมีกว่า 2 ล้นคนที่ยังไม่เคยรับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว
สปสช.จัดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 5.26 ล้านโดส หากไม่พอ พร้อมจัดซื้อเพิ่ม!
นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีที่ผ่านมา สปสช.จัดซื้อ 4.5 ล้านโดส ที่เหลือจะจัดบริการให้ทหารเกณฑ์ และกลุ่มต่างๆ อย่างผู้ต้องขังในเรือนจำ เป็นต้น ที่ต้องการอยู่แล้ว ส่วนปีนี้ซื้อมา 4.4 ล้านโดส และล่าสุดจัดซื้อเพิ่มอีก 8.6 แสนโดส รวมเป็น 5.26 ล้านโดส ซึ่งกรณีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กลุ่มเสี่ยงนั้น จะฉีดได้ทุกสิทธิ์การรักษา ส่วนเรื่องเงินเป็นเรื่องการบริหารจัดการของภาครัฐ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงไม่ได้รับผลกระทบอะไร สามารถขอเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ และยังสามารถรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 ได้ด้วยเช่นกัน หากฉีดมานานเกินกำหนดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จะเพียงพอกับกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า จริงๆไม่เพียงพอ แต่เมื่อมองถึงศักยภาพของการฉีด และการกระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวมา แต่อย่างที่กล่าวในปีที่ผ่านมาการมาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 95% ส่วนที่เหลือก็จะเป็นกลุ่มต่างๆ ทหารเกณฑ์ ผู้ต้องขังในเรือนจำ เป็นต้น ซึ่งหากมีมากขึ้นก็พร้อมพิจารณาเพิ่มเติมได้
ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม ที่ได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ 1) หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2) เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 3) ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน 4) บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 5) โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) 6) โรคอ้วน (น้ำหนัก > 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) และ7) ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ทั้งนี้กรณีหญิงตั้งครรภ์นั้นมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้บริการตลอดทั้งปี