รมว.สธ.เตรียมปล่อย “ขบวนรถกู้ชีพ” ดูแล ปชช.ช่วงปีใหม่ 29 ธ.ค.นี้
วันที่ 27 ธ.ค. 66 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการดูแลประชาชนที่เดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขจะจัดบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึง อสม. ไปช่วยดูแลประชาชนตามด่านตรวจตลอดเส้นทาง โดยขอย้ำเตือนเรื่อง “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” (Drink Don’t Drive)
“สธ. ยังให้ความสำคัญกับทีมกู้ชีพกู้ภัยที่จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงทีในกรณีหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น โดยจะมีการปล่อยขบวนรถทีมกู้ชีพกู้ภัยในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ เวลา 08.00 น. บริเวณหน้าเสาธง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อแสดงถึงความพร้อมในการดูแลชีวิตและความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้”
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังได้จัดเตรียมของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนจำนวนมาก ได้แก่
1.พาหมอไปหาประชาชน ซึ่งเป็นบริการที่ออกไปให้บริการประชาชนถึงที่ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งการคัดกรองมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่/ไส้ตรง เพื่อลดการเสียชีวิต คัดกรองสายตาเด็ก ผ่าตัดต้อกระจกในผู้สูงอายุ ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าตัดนิ้วล็อก และทำขาเทียม
2.การฉีดวัคซีนเอชพีวีป้องกันหญิงไทยจากมะเร็งปากมดลูก ซึ่งฉีดไปแล้วกว่า 1.4 ล้านโดส และจะยังให้บริการต่อเนื่อง โดยในเดือนมกราคมฉีดอีก 1.6 ล้านโดส
3.เพิ่มสิทธิรักษามะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งการใช้รังสีโปรตอนที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงในการรักษาเด็กที่เป็นมะเร็งสมอง ซึ่งไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อปกติรอบก้อนมะเร็ง, การฝังแร่เฉพาะที่สำหรับผู้ป่วยเนื้องอกในตา และใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดรักษามะเร็ง 3 รายการ คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่/ลำไส้ตรง และมะเร็งตับ ตับอ่อนและท่อน้ำดี ซึ่งเดิมไม่สามารถเบิกจ่ายได้
4.Drink Don’t Drive ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี พบว่าช่วง 7 วันอันตราย มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จึงจัดทำยาดมเบญจชื่นจิต โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีส่วนผสมจากสมุนไพรทั้งมะลิ พิกุล บุนนาค สารภี บัวหลวง เปลือกส้มโอ น้ำมันกุหลาบ แจกที่ด่านพักรถต่างๆ จำนวน 3 แสนชิ้น รวมทั้งยาแก้ไอมะขามป้อม ยาหอม ยาลม เป็นต้น
ทั้งนี้ หากมีอาการง่วงนอนขับรถต่อไม่ไหว ขอให้จอดพักที่ด่านตรวจซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมออกให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อลดอันตรายในการเดินทาง