ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผยโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ KP.3.1.1 ขึ้นแท่นสายพันธุ์หลักในสหรัฐอเมริกา
วันที่ 5 ก.ค. 67 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่และสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในสหรัฐอเมริกา ผ่านเพจเฟซบุ๊ก : Center for Medical Genomics ดังนี้
…มาทำความรู้จักโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ KP.3.1.1 ขึ้นแท่นสายพันธุ์หลักในสหรัฐอเมริกา โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันโดยประมาณในสหรัฐฯ พุ่งสูงถึง 900,000 ราย ขณะที่สายพันธุ์ KP.3.1.1 กำลังจะกลายเป็นสายพันธุ์หลัก ตัวเลขนี้แสดงถึงการเพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบ 12 เดือน โดยประมาณว่า 1 ใน 37 คนกำลังติดเชื้ออยู่ในปัจจุบัน การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้นของสายพันธุ์นี้ และความสำคัญของการรักษามาตรการด้านสาธารณสุข
ทั้งนี้ โควิด-19 สายพันธุ์ KP.3.1.1 ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ โดยคิดเป็น 27.8% ของการติดเชื้อที่ตรวจพบ ตามการคาดการณ์ล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สายพันธุ์นี้ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของ KP.3 ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างรวดเร็ว แซงหน้าสายพันธุ์อื่นๆ เช่น LB.1(16%) ซึ่งครองอันดับสามรองจาก KP.3 (20.1%) ในขณะที่ JN.1 ลดลงเหลือเพียง 0.3%
ในประเทศไทยสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมพบโอมิครอน KP.3 จำนวน 8 ราย และ LB.1 จำนวน 2 ราย ยังไม่พบ KP.3.1.1
สำหรับโอมิครอน KP.3.1.1 มีการกลายพันธุ์ที่สำคัญหลายประการซึ่งส่งผลให้มีความสามารถในการแพร่เชื้อและหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการกลายพันธุ์ Q493E ซึ่งพบในสายพันธุ์ก่อนหน้าอย่างโอมิครอน KP.3 ด้วย นอกจากนี้ โอมิครอน KP.3.1.1 เพิ่มความสามารถในการหลบเลี่ยงการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและเพิ่มความสามารถในการติดเชื้อ การกลายพันธุ์
สำหรับสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิมมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันสูงมาก ทำให้ภูมิคุ้มกันของประชากรต่อสู้กับมันได้ยาก อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ KP.3.1.1 ในปัจจุบันไม่ได้แสดงระดับการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันเท่ากับสายพันธุ์ดั้งเดิม เมื่อเทียบกับภูมิคุ้มกันของประชากรในปัจจุบัน หลังจากที่เราติดเชื้อโควิด-19 หรือได้รับวัคซีน ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ โดยในช่วง 6 เดือนแรก ภูมิคุ้มกันของเราจะแข็งแรงมาก สามารถป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึงมากกว่า 90% หมายความว่าโอกาสที่จะติดเชื้อซ้ำในช่วงนี้มีน้อยกว่า 10%
โดยหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว ภูมิคุ้มกันจะค่อยๆ ลดลงตามเวลา แต่โดยเฉลี่ยแล้ว เรายังคงมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันได้ต่อเนื่องไปจนถึงประมาณ 18 เดือน ซึ่งนี่คือระยะเวลาโดยเฉลี่ยระหว่างการติดเชื้อแต่ละครั้ง
ส่วนความเป็นไปได้ในการติดเชื้อซ้ำ พบว่า หากบุคคลเคยติดโอมิครอน KP.3 มาก่อน ในทางเทคนิคแล้วเป็นไปได้ที่จะติดเชื้อสายพันธุ์ KP.3.1.1 ซ้ำ แม้ว่าอาจมีการป้องกันในระยะสั้นบ้าง แต่ความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของสายพันธุ์ KP.3.1.1 สูง หมายความว่าการติดเชื้อซ้ำสามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภูมิคุ้มกันลดลงตามเวลา
นอกจากนี้ โอมิครอนสายตระกูล KP รวมถึง KP.3 และ KP.3.1.1 ถือเป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันสูงที่สุดตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 หมายความว่าบุคคลอาจติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ได้ในเวลาไม่นานหลังจากหายจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดิม แม้ว่าการป้องกันบางส่วนอาจคงอยู่ประมาณ 6 สัปดาห์ แต่ความสามารถในการแพร่เชื้อสูงและการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของสายพันธุ์เหล่านี้บ่งชี้ว่าควรระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง
แม้ว่าโอมิครอนสายพันธุ์ KP.3.1.1 จะไม่สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้เท่ากับสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิมเมื่อเทียบกับภูมิคุ้มกันของประชากรในปัจจุบัน แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อซ้ำและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
การป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ที่ดีที่สุด คือ ไม่อยู่ในที่แออัด ล้างมือบ่อยๆ และสวมแมสก์เมื่อออกนอนกบ้าน