รมว.สธ. แถลงเหยื่อเหล้าปลอมตายเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 4 ราย
เหยื่อเหล้าปลอมตายเพิ่มอีก 1 ทำยอดทะลุ เป็น 4 ราย ยังวิกฤติน่าห่วงอีก 1 ราย ยอดป่วยสะสมเพิ่มต่อเนื่อง เบื้องต้น 08.00 น.ทะลุ 33 ราย หายป่วยกลับบ้าน 8 ราย ย้ำ!อย่ากลัวดื่มเหล้าเถื่อนให้รีบมารพ.ก่อนสายเกินไป
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเฝ้าระวังผลกระทบจากสุราปลอม ที่มีการลักลอบผสมสารเมทานอล ซึ่งเป็นสารที่ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจาก เป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสีทินเนอร์ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด ว่า ได้รับรายงานจาก ศูนย์ปฏิบัติการที่โรงพยาบาลนพรัตน์ สรุปข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น วันนี้ (27 ส.ค.) มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 33 ราย ซึ่งพบจากการสืบค้นในกลุ่มที่ร่วมวงดื่มยาดองที่ผสมสารเมทานอล บางคน เพิ่งจะดื่มหลังจากที่ซื้อยาดองดังกล่าวกลับบ้านไปแล้ว ในจำนวนนี้เสียชีวิต เพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 4 ราย
สำหรับผู้ป่วยที่ยังอยู่ระหว่างการรักษา ต้องใส่ท่อช่วยหายใจจำนวน 15 ราย ต้องฟอกไต 22 ราย ส่วนผู้ที่มีอากาศตาพร่ามัว อยู่ที่ 21 ราย ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ตาบอดถาวรเพิ่มเติมจากที่เคยรายงานไปแล้ว แต่มีอาการหนักที่หน้าเป็นห่วงหรืออีก 1 ราย ทั้งนี้มีผู้ที่รักษาหายกลับบ้านได้แล้วจำนวน 8 ราย
ทั้งนี้ กรมการแพทย์ แจ้งย้ำเตือน ผู้ที่ดื่มยาดองที่มีความเสี่ยงผสมเมทานอลหรือซื้อมาจากร้านบริเวณที่เกิดปัญหา ขอให้รีบมาโรงพยาบาลเนื่องจากเช้าวันนี้มีผู้ป่วยมาตรวจคัดกรองที่ รพ.นพรัตน 2 ราย ด้วยอาการหอบเหนื่อย ซักประวัติได้ว่าดื่มมา 3 วัน เริ่มมีอาการ 6 โมงเช้า แต่ก่อนหน้านี้กังวล ไม่กล้ามา รพ.กลัวตำรวจจับ เพราะเข้าใจว่าซื้อสุราเถื่อนดื่ม จนช่วงบ่าย หายใจหอบเหนื่อยมากทนไม่ไหว ลูกชายพามา รพ. ดังนั้น ขอให้อย่ากลัวรีบมาทันที
อัปเดตเวลา 09.00น.ป่วยสะสม 34 ราย
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการเฝ้าระวังของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (วอร์รูม) ติดตามปัญหาผลกระทบจากสุราปลอม ที่มีการลักลอบผสมสารเมทานอล ซึ่งเป็นสารที่ห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจาก เป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสีทินเนอร์ห้ามรับประทานโดยเด็ดขาด ว่า จากการสรุปข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น วันนี้ (27 ส.ค.) มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 34 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต เพิ่มอีก 1 รายรวมเป็น 4 ราย
สำหรับผู้ป่วยที่ยังอยู่ระหว่างการรักษา ต้องใส่ท่อช่วยหายใจจำนวน 15 ราย ต้องฟอกไต 22 ราย ส่วนผู้ที่มีอากาศตาพร่ามัว อยู่ที่ 21 ราย