เอเอฟพี รายงานวันที่ 24 ธ.ค. ถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ใน ประเทศจีน ว่า สื่อท้องถิ่นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน เมืองชิงเต่า มณฑลชานตง ทางตะวันออก เปิดเผยข้อมูลจาก นายป๋อ เต่า ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขเมืองชิงเต่า เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในเมืองอยู่ที่ 490,000-530,000 คนต่อวัน ซึ่งถือว่าสูงมากและเข้าขั้นวิกฤตเนื่องจากเมืองชิงเต่ามีประชากรเพียง 10 ล้านคน

นายป๋อยังกล่าวว่าเมืองชิงเต่าอยู่ในช่วงเวลาของการระบาดอย่างรวดเร็วก่อนถึงจุดสูงสุด และว่าอัตราการติดเชื้อโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ไม่นานหลังจากสื่อเมืองชิงเต่ารายงานสื่อทั่วประเทศก็แห่นำเสนอข้อมูลสุดช็อกและมีการเผยแพร่ไปทั่วเครือข่ายสังคมออนไลน์

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อในรายงานของเมืองชิงเต่าถูกปรับลดลงเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ โดยคณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีนระบุว่าผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามี 4,103 คน และไม่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ ส่วนมณฑลชานตงมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 31 คน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการควบคุมหรือเซ็นเซอร์สื่อครั้งล่าสุดของทางการจีน ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยของสังคม รวมถึงนานาประเทศ ภายหลังหน่วยงานด้านสุขภาพของจีนปรับเกณฑ์การนับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ว่าต้องเกิดจากระบบหัวใจล้มเหลวเท่านั้น

เช่นเดียวกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องมีอาการถึงจะยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อ แม้โรงพยาบาลหลายแห่ง โดยเฉพาะแผนกผู้ป่วยหนัก (ไอซียู) จะเต็มไปด้วยผู้คนยืนแออัดรอแถวเข้ารับการรักษาก็ตาม

นอกจากเมืองชิงเต่าแล้ว ทางการท้องถิ่นมณฑลเจียงซีโพสต์ข้อความผ่านโลกออนไลน์ว่า ร้อยละ 80 ของประชากร หรือราว 36 ล้านคน คาดว่าจะติดเชื้อโควิด-19 ภายในเดือนมี.ค.2566 ภายหลังอัตราการติดเชื้อในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 22 ธ.ค. มีผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 18,000 คนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลักของมณฑล ในจำนวนนี้มีผู้ติดเชื้ออาการสาหัสเกือบ 500 คน แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต