อัพเดตจุด “ฉีดวัคซีนโควิดฟรี 2566” ในไทย
จากการเปิดประเทศและมีงานเทศกาลใหญ่อย่างสงกรานต์และปีใหม่ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวไทยเป็นจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้การแพร่ระบาดของโควิดเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ล่าสุดกรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าของสัปดาห์ก่อนหน้า และคาดว่าหลังสงกรานต์จะมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งแพร่กระจายเข้ามาไทย และติดเชื้อได้ดีกว่าเดิมถึง 2 เท่า วันนี้จึงมาอัพเดตจุดฉีดวัคซีนโควิดฟรี 2566 ว่าสามารถเดินทางไปฉีดที่ไหนได้บ้าง
1. ศูนย์บริการสาธารณสุข
สำหรับผู้ที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง เปิดให้บริการทุกวันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 13.00 – 15.00 น. สามารถเข้ารับบริการโดยจองคิวฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชัน QueQ หรือ Walk in ไปที่ศูนย์บริการฯ ได้เลย แต่ทั้งนี้ควรสอบถามไปยังศูนย์บริการฯ ก่อนทุกครั้ง เนื่องจากวัคซีนมีจำนวนจำกัด
วัคซีนที่ให้บริการได้แก่ ไฟเซอร์ (ฝาสีแดง, ฝาสีส้ม, ฝาสีม่วง, ฝาสีเทา (Bivalent) ใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป) วัคซีน AstraZeneca และภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB)
2. โรงพยาบาลตากสิน สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
เปิดให้บริการฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ Pfizer Bivalent (ฝาสีเทา) ที่งานอนามัยชุมชน ชั้น 2 ทุกวันตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน ตั้งแต่เวลา 8.00-15.00 น. (ยกเว้นวันหยุดราชการ)
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ค่าบริการ 1,380 บาท ส่วนคนไทยและชาวต่างชาติ อายุ 12 ปี ขึ้นไป ที่ตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย รับบริการฉีดวัคซีนได้ฟรี สามารถ Walk In หรือจองผ่านแอปพลิเคชั่น QueQ สอบถามเพิ่มเติมงานอนามัยชุมชนโทร 02-437-0123 ต่อ 1115,1242
3. ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก (โรงพยาบาลศิริราช)
เปิดให้บริการ จันทร์-พุธ เวลา 08.00-15.00 น. ยกเว้น วันหยุดนักขัตฤกษ์ ควรมาก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 30 นาที โดยให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ มีทั้ง Pfizer (เดิม) และ Pfizer (Bivalent) สามารถจองคิวล่วงหน้าหรือ Walk in มาที่ศูนย์บริการฯ ได้เลย รับจำนวน 70 คิวต่อวัน (ข้อมูลอัปเดตวันที่ 1 ธ.ค. 2565)
4. สถาบันประสาทวิทยา
เปิดให้บริการวันจันทร์-เสาร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) สามารถเข้ารับบริการได้ด้วยการ Walk in โดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า ให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ แก่ผู้มีอายุตั้งแต่ 12-60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค รวมทั้งผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดมาและรักษาหายครบ 3 เดือนแล้ว
สำหรับผู้ที่มีอายุ 12-15 ปี ให้บริการในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-13.00 น. รับบริการได้ที่คลินิกกุมารประสาทวิทยา อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ชั้น 3 ส่วนผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ให้บริการในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.00-15.00 น. และวันเสาร์ เวลา 8.00-12.00 น. ที่ห้องหัตถการ อาคารรัชมงคล ชั้น 1
5. โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
เปิดให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 2 ในวันวันจันทร์-ศุกร์ โดยนัดหมายลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02-548-1000
– ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีม่วง ให้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-12.00 น.
– ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม ให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี ในวันจันทร์ เวลา 13.00-15.00 น.
– ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดง ให้กับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี ในวันศุกร์ เวลา 13.00-15.00 น.
6. สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์
ให้บริการฉีดวัคซีนโควิดฟรีแก่เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 18 ปี ในวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 13.00-15.30 น. และวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-15.30 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) สำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ใช้วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีเทา (Bivalent) เป็นเข็มกระตุ้นแก่ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย 2 เข็มขึ้นไป และให้บริการฉีดวัคซีนโควิดฟรีเป็นเข็มหลักและเข็มกระตุ้นแก่เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยใช้วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดง ฝาสีสัม และฝาสีม่วง ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป โดยต้องลงทะเบียนเพื่อนัดหมายล่วงหน้า
7. จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับผู้ที่พักอาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ สามารถ Walk in เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดฟรีได้ โดยควรโทรนัดล่วงหน้า โรงพยาบาลที่เข้าร่วมมีดังต่อไปนี้
– โรงพยาบาลนครพิงค์ เปิดให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
– โรงพยาบาลแม่และเด็ก เปิดให้บริการทุกวันศุกร์ เวลา 08.30-12.00 น.
– โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่ เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-12.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
– โรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่ เปิดให้บริการทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 13.00-16.00 น.
– โรงพยาบาลเชียงใหม่เมดิคอลเซ็นเตอร์ เปิดให้บริการทุกวันพุธ เวลา 13.00-16.00 น.
– โรงพยาบาลประจำอำเภอ เปิดให้บริการทุกวันในเวลาราชการ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
กระทรวงสาธารณสุขได้มีข้อแนะนำประชาชนหลังเทศกาลสงกรานต์ว่าให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง หากมีอาการป่วยให้ตรวจ ATK โดยกรมควบคุมโรคได้วางแนวทางป้องกันการระบาดของโรคโควิด 19 สำหรับประชาชน 3 มาตรการ คือ
1. ทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปี โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถรับวัคซีนทั้ง 2 ชนิดพร้อมกัน เริ่มเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ จะช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ ส่วนผู้ที่ภูมิคุ้มกันขึ้นไม่ดี สามารถรับภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long Acting Antibody : LAAB) ซึ่งยังคงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่รับวัคซีนแล้วไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ โดยกรมควบคุมโรคได้จัดส่งวัคซีนและ LAAB ให้สถานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไว้ฉีดประชาชนอย่างเพียงพอ
2. สวมหน้ากากในที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อร่วมกิจกรรมหรือไปสถานที่ที่มีกลุ่ม 607 จำนวนมาก เช่น โรงพยาบาล สถานดูแลผู้สูงวัย
3. ให้ตรวจ ATK เมื่อป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ไข้ ไอ เจ็บคอ หากผลเป็นบวก ให้สวมหน้ากากเมื่อใกล้ชิดผู้อื่น หลีกเลี่ยงใกล้ชิดกลุ่ม 608 สถานที่มีคนจำนวนมาก หากอาการมากขึ้น เช่น เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรักษาในโรงพยาบาล สำหรับกลุ่ม 608 หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับยาต้านไวรัสและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด กรณีที่มีสมาชิกครอบครัว เพื่อน/เพื่อนนักเรียน/เพื่อนร่วมงานที่ตรวจ ATK แล้วผลเป็นบวกในช่วง 1-2 สัปดาห์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค