คนไทย “ปอดไม่ปลอดภัย” เผชิญบุหรี่ไฟฟ้า-ฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน
คนไทย “ปอดไม่ปลอดภัย” กว่า 38 ล้านคนต้องเผชิญฝุ่นพิษ PM 2.5 ในจำนวนนี้เป็นเด็กกว่า 3.5 ล้านคน เสี่ยงมะเร็งปอด 1 ใน 5 โรคมะเร็งคร่าชีวิต ซ้ำ! กลยุทธ์ตลาดบุหรี่ไฟฟ้ายังมุ่งเป้าเยาวชน พบเด็กประถมขายบุหรี่ไฟฟ้า สสส.จัดกิจกรรม “ThaiHealth Watch The Series 2024 ร่วม ภาคี พัฒนาภาพยนตร์ Interactive “บานปลาย” นวัตกรรมสำหรับผู้ปกครองสื่อสารกับลูกเชิงบวก
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 67 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวในพิธีเปิดกิจกรรม ThaiHealth Watch The Series 2024 ชุด “เล่นให้เป็นเรื่อง” ครั้งที่ 2 ว่า เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก สสส. ได้จัดกิจกรรม ThaiHealth Watch The Series ชื่อตอนว่า เล่นเรื่องปอด : เมื่อปอดไม่ปลอดภัย…จากฝุ่นพิษและบุหรี่ไฟฟ้า มุ่งเปิดพื้นที่ถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแนะแนวทางป้องกันและดูแลตนเอง พร้อมพัฒนาเครื่องมือการเรียนรู้ชุด “รู้ทันกลลวงบุหรี่ไฟฟ้า” 4 ประเด็น
1.การรู้เท่าทันการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้า
2.สารพิษที่เคลือบแฝงในบุหรี่ไฟฟ้า
3.ผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ
4.สถานการณ์และกรณีศึกษาของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้า
มุ่งสร้างความตระหนักถึงภัยสุขภาพปอดที่มาจากอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า และฝุ่น PM2.5 ในระดับที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพ ต่อผู้นำการสื่อสาร คนรุ่นใหม่ คุณครู และภาคีเครือข่ายที่ขับเคลื่อนประเด็นสุขภาวะที่เข้าร่วมงานกว่า 70 คน
“ไทยกำลังเผชิญปัญหาฝุ่น PM 2.5 เข้าขั้นวิกฤต กว่า 38 ล้านคนต้องอยู่ในพื้นที่ฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ในจำนวนนี้เป็นเด็กกว่า 3.5 ล้านคน ที่หายใจนำฝุ่นเข้าปอดเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 4 มวนต่อวัน ยิ่งไปกว่านั้น กลยุทธ์ตลาดบุหรี่ไฟฟ้ายังมุ่งเป้าไปที่กลุ่มเด็ก สสส. จึงเร่งสร้างการตระหนักรู้ให้กับภาคีสุขภาวะ ร่วมกันขับเคลื่อนให้ประชาชนทุกกลุ่มมีสุขภาวะที่แข็งแรงและปลอดภัย ทั้งนี้ สสส. จะจัด ThaiHealth Watch The Series 2024 ชุด “เล่นให้เป็นเรื่อง” ตลอดปี 2567 ติดตามข้อมูลได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.” นางเบญจมาภรณ์ กล่าว
นพ.วินัย โบเวจา หัวหน้าศูนย์สุขภาพปอด อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจ และภาวะวิกฤตทางเดินหายใจ โรงพยาบาลพญาไท 3 กล่าวว่า โรคมะเร็งปอด ติด 1 ใน 5 อันดับมะเร็งที่คร่าชีวิตประชากรโลก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก 2 ปัจจัยสำคัญ 1.มลพิษทางอากาศ PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการไอ เลือดกำเดาไหล หรือภูมิแพ้ ที่สำคัญฝุ่น PM 2.5 กระตุ้นให้สารพันธุกรรมกลายพันธ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ 2.สารพิษจากบุหรี่ไฟฟ้า ประชาชนบางส่วนมีความตระหนักเรื่องความอันตรายของสารนิโคติน แต่สารปรุงสี แต่งกลิ่นเพื่อดึงดูดผู้สูบหน้าใหม่ ที่มีกว่า 7,000 ชนิดในบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อปอดรุนแรงทวีคูณ เนื่องจากไอระเหยมีขนาดเล็กเมื่อเข้าสู่เนื้อเยื่อปอดทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดโรคหอบหืด และอักเสบในทางเดินหายใจ รวมถึงส่งผลกระทบต่อหัวใจ สมอง และฟัน จึงควรป้องกันตนเอง หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่จะได้รับมลพิษจากฝุ่น PM2.5 และไอจากบุหรี่ไฟฟ้า
6 แนวทางเลี่ยงเกิดโรคมะเร็งปอด
1.รับประทานอาหารบำรุงปอด อาหารประเภทที่ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ อาทิ แอปเปิล บรอกโคลี ถั่ว ขิง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
2.ออกกำลังกายบริหารปอด หายใจเข้า-ออกลึกๆ เพื่อบริหารปอด กระบังลม และกล้ามเนื้อทรวงอก
3.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายปอด เช่น สัมผัสควันบุหรี่ อยู่ในพื้นที่ที่มีการเผา
4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชม. ต่อวัน
5.ดื่มน้ำให้เพียงพอ 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ปอดชุ่มชื้น
6.รักษาปอดให้อบอุ่นอยู่เสมอ ห่มผ้าปิดหน้าอกให้มิดชิดในขณะนอนหลับ
นายสุรเสกข์ ยุทธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจ Toolmorrow กล่าวว่า เด็กนักเรียนเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากรูปลักษณ์ของบุหรี่ไฟฟ้าน่ารัก เสมือนไม่มีพิษภัย และมีรสชาติที่หวาน หอม ดึงดูดให้หลงใช้ จากการลงพื้นที่สำรวจในโรงเรียนชั้นประถมศึกษาในภาคกลาง พบนักเรียน 20 คน เคยใช้และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน ขาดความรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า และโครงสร้างสังคม ที่ทำให้ขาดความสัมพันธ์ในครอบครัว จากปัญหาที่เกิดขึ้น ได้พัฒนาสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบภาพยนตร์สั้นที่ให้คนดูสามารถเลือกการดำเนินเรื่องเอง (Interactive) ชื่อเรื่อง “บานปลาย” นำเสนอแนวทางการสื่อสารเชิงบวกสำหรับผู้ปกครอง เตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน รับชมได้ที่เว็บไซต์ https://toolmorrow.com/portfolio-item/escalate/