ปลัดสธ.เผย ค่าเสี่ยงภัยโควิด รอบสองกว่า 3.9 พันล้าน เสนอของบฯ แล้ว ผ่านจุดของกระทรวง
ตามที่สำนักข่าวออนไลน์ Hfocus มีการติดตามเงิน “ค่าเสี่ยงภัยโควิด” หรือเงินค่าตอบแทนของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานช่วงการระบาดของโควิด19 ที่ผ่านมา ซึ่งงบประมาณดังกล่าวรวมวงเงินกว่า 6,700 ล้านบาท เป็นเงินค้างจ่ายบุคลากรตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎกาคม 2564 จนถึงกันยายน 2565 แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ
1.งบค่าเสี่ยงภัยโควิดช่วงเดือนกรกฎาคม 2564- ครึ่งเดือนแรกเดือนมิถุนายน 2565 วงเงิน 2,995.95 ล้านบาท
2.งบค่าเสี่ยงภัยโควิดช่วงครึ่งเดือนหลังมิถุนายน จนถึงกันยายน 2565 วงเงินรวม 3.9 พันล้านบาท
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวHfocusได้สอบถาม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กรณีข้อเสนอของบประมาณ ค่าเสี่ยงภัยโควิด19 ไปยังรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำเรื่องเสนอไปแล้ว โดยเป็นค่าเสี่ยงภัยโควิดรอบสองจำนวนกว่า 3,900 ล้านบาท ซึ่งผ่านพ้นขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำแสดงว่าอยู่ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ผ่านขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข ไปแล้ว ส่วนจะอยู่ที่ใครไม่ทราบ เพราะก่อนจะถึงครม.ก็จะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบเอกสาร ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ อย่างสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือสลค.
ร่างกฎหมายแยกตัวออกจากก.พ.
เมื่อถามกรณีกฎหมายแยกตัวออกจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) หากแยกตัวแล้วจะส่งผลอย่างไรกับกระทรวงฯ นพ.โอภาส กล่าวว่า เร็วไปที่จะพูด ขอให้รับฟังความคิดเห็นให้ครบก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นในเว็บไซต์ LAW ถึงวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ทุกคนไม่ใช่เฉพาะบุคลากรสาธารณสุข สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ทั้งประชาชนทั่วไป หรือสื่อมวลชนก็มาแสดงความคิดเห็นได้ทั้งหมด
แผนกำลังคนด้านสุขภาพทั้งประเทศ
ถามถึงกรณีแผนกำลังคนด้านสุขภาพเข้า ครม.เพื่อพิจารณาแล้วใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน จะเข้าครม.หรือไม่ตนไม่ทราบ
เมื่อถามย้ำว่าได้เสนอเข้าครม.แล้วใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เท่าที่ทราบส่งไปแล้ว แต่อาจอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าถึงครม.แล้วหรือยัง
ถามอีกว่าแผนกำลังคนด้านสุขภาพนี่คือ แผนยุทธศาสตร์กำลังคนภาพรวมทั้งประเทศหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ใช่ เป็นภาพรวมและเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีบัญชาเรื่องการแก้ปัญหาพยาบาล ซึ่งนายกฯ เน้นเรื่องพยาบาล แต่ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้แนบยุทธศาสตร์ภาพรวมด้วย เพราะทุกวิชาชีพเกี่ยวข้องกัน