วิธีดูแลเมื่อมีอาการ “ท้องเสีย”
“ท้องเสีย” โดยทั่วไปมักเกิดจากการรับประทานอาหาร และดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ส่วนมากเราจะเป็นโดยไม่รู้ตัวเพราะเช็คอาหารที่กินไปได้ยาก แต่เมื่อเป็นแล้วควรทำอย่างไรไม่ให้เป็นหนักกว่าเดิมวันนี้เรามีคำตอบ
การรักษาภาวะขาดน้ำ
เป็นการรักษาที่สำคัญที่สุด โดยสามารถรักษาได้ 2 วิธี
– กินน้ำเกลือแร่โออาเอส ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะขาดน้ำน้อย โดยน้ำเกลือแร่โออาเอส 1 ซอง ผสมน้ำสะอาดตามสัดส่วนที่ระบุไว้ใส่แก้ว ค่อยๆ จิบ หรือ ใช้ช้อนตักป้อน ไม่ควรดื่มรวดเดียวจนหมดเพราะจะทำให้มีอาการอาเจียนเพิ่มขึ้นได้
– ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ใช้ในกรณีที่มีภาวะขาดน้ำปานกลางจนถึงมากหรือมีภาวะช็อค และในกรณีที่ไม่สามารถกินน้ำเกลือแร่โออาเอสได้
วิธีดูแลตนเองเมื่อท้องเสียในช่วง 24-72 ชั่วโมง
1. หยุดรับประทานอาหาร 2 – 4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้หยุดการทำงาน
2. ดื่มเกลือแร่ผงผสมกับน้ำต้มสุก หรือใช้เกลือป่นผสมกับน้ำต้มสุกเพื่อทดแทนน้ำกับเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป
3. หลังจากนั้นจึงเริ่มรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวใส่เกลือ ข้าวต้ม หรือโจ๊ก งดอาหารรสจัด และอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้
4. รับประทานโยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก (probiotic yogurt) เชื้อแบคทีเรียมีชีวิตที่มีอยู่ในโยเกิร์ตสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องเสียบางชนิด และจะทำให้หายเร็วขึ้นได้
5. ลองรับประทานแบรทไดเอ็ท (BRAT diet) ได้แก่ กล้วย ข้าว แอปเปิ้ล หรือน้ำแอปเปิ้ล และขนมปังปิ้งแห้ง อาหารสูตรนี้เหมาะสำหรับเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็รับประทานได้เหมือนกัน ความจริงแล้วไม่จำเป็นจะต้องเน้นเฉพาะอาหารเหล่านี้ แต่การรับประทานอาหารเหล่านี้เพิ่มอาจจะช่วยให้อาการท้องเสียหายเร็วขึ้นได้นะครับ
6. งดดื่มนม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือคาเฟอีน จนกว่าจะหายท้องเสีย
7. หลีกเลี่ยงยารักษาโรคท้องเสีย ยกเว้นแพทย์สั่งเท่านั้น เนื่องจากท้องเสียเป็นการขับสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากร่างกาย ดังนั้นทางเดียวที่จะดีขึ้น ได้คือต้องยอมถ่ายเหลวให้หมด
8. จะต้องรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง หรือยาลดไข้ เมื่อมีอาการเหล่านั้น ขณะท้องเสีย