สธ. เผยคนไทย 38 ล้านคนอยู่ในพื้นที่ฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน พบเป็นกลุ่มเปราะบาง 15 ล้านคน
สธ. เผยคนไทย 38 ล้านคนอยู่ในพื้นที่ PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน เป็นกลุ่มเปราะบาง 15 ล้านคน เกิดค่าเสียโอกาสด้านสุขภาพกว่า 3,000 ล้านบาท ชี้ทำอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี เตรียมพร้อม 4 มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตามระดับความรุนแรงของค่าฝุ่น PM 2.5
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการประชุมทางไกลติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสส.)ทั่วประเทศ กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ปี 2568 ว่า ข้อมูลกรมควบคุมโรค ในปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2566 – 31 ธ.ค. 2567 สถานการณ์จำนวนผู้ป่วยโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับการรับสัมผัสและค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 ทั่วประเทศ ใน 6 โรค 1,048,015 ราย แยกเป็น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง 226,423 ราย โรคตาอักเสบ 357,104 ราย โรคผิวหนังอักเสบ 442,073 ราย โรคหืด 18,336 ราย หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 4,051 ราย และการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ 28 ราย
ทั้งนี้ ได้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการตามมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4 มาตรการ ตามระดับความรุนแรงของค่าฝุ่น PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ได้แก่
1. สร้างความรอบรู้ให้ประชาชน โดยติดตามสถานการณ์และประชาสัมพันธ์เชิงรุก เน้นการสื่อสารและแจ้งเตือนผ่านระบบดิจิทัล เช่น Platform หมอพร้อม, SMART อสม. ครอบคลุมทั้งประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว
2. การลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจาก PM 2.5 จัดทำห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการและพื้นที่เสี่ยง และสนับสนุน มุ้งสู้ฝุ่น”รวมถึงพิจารณา Work From Home สำหรับกลุ่มเปราะบางเมื่อค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน
3. จัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยขยายเครือข่ายบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพให้ครอบคลุม ทั้งคลินิกมลพิษทางอากาศ คลินิกเวชกรรมสิ่งแวดล้อม ให้คำปรึกษาคลินิกมลพิษออนไลน์ จัดระบบนัดหมายคลินิกมลพิษระบบผ่านหมอพร้อม และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่/ทีมปฏิบัติการดูแลสุขภาพกลุ่มเปราะบาง เช่น ชุมชน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ โรงเรียนประจำ เป็นต้น
4. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ หากสถานการณ์รุนแรง ให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในทุกระดับ และส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ใช้ พรบ.การสาธารณสุข ควบคุมฝุ่นละออง
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีห้องปลอดฝุ่นแล้วจำนวน 4,700 ห้องใน 56 จังหวัด แบ่งเป็นสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุข 3,009 ห้อง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก/โรงเรียน 858 ห้อง อาคารสำนักงาน 457 ห้อง และร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ 376 ห้อง ส่วนมุ้งสู้ฝุ่นที่ช่วยลดปริมาณฝุ่นภายในบ้านมีการกระจายใน 34 จังหวัด รวม 1,338 ชุด โดยจะมีการสนับสนุนหน้ากากอนามัยและมุ้งสู้ฝุ่นที่จุดเสี่ยงและหน่วยบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมด้วย
สำหรับการเฝ้าระวังโรคจากการรับสัมผัสฝุ่น PM 2.5 จะดำเนินการผ่านระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center (HDC) กระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นย้ำให้ลงรหัสโรค ICD-10 ตาม พรบ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 กรณีมีอาการป่วยใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ 1. กลุ่มโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 2. กลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือด 3. กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น โรคผื่นผิวหนังอักเสบ โรคผื่นลมพิษ และ 4. กลุ่มโรคตาอักเสบ
ขณะเดียวกันด้านกรมอนามัย เผยว่า ค่าเสียโอกาสด้านสุขภาพ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าหน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศ ฯลฯ 2,000 – 3,000 ล้านบาท กว่า 75% เป็นค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล การใช้มุ้งสู้ฝุ่นในกลุ่มติดเตียง จะสามารถลดการเข้ารักษาใน รพ. ได้มากกว่า 1,800 ล้านบาท ค่ารักษาพยาบาลของโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ อาทิ หอบหืด 2,752 บาท ต่อครั้ง โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 16,000 บาท มะเร็งปอด 141,100 – 197,600 บาท
สำหรับข้อมูลการเฝ้าระวังสถานการณ์ PM2.5 9 ม.ค. 68 ระหว่าง 11 ตุลาคม 2567 – 9 มกราคม 2568 ปรากฎว่าเกินมาตรฐาน 53 จังหวัด ซึ่งพบเกินมาตรฐานในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ 14 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม หนองคาย นครพนม ระยอง สมุทรปราการ พิษณุโลก รวมถึง กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จุดความร้อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งในและต่างประเทศซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองได้
ในส่วนสถานการณ์มลพิษอากาศของประเทศไทย พบ 38 ล้านคนอยู่ในพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน (37.5 มคก./ลบ.ม.) 15 ล้านคนหรือ 1 ใน 5 เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และ เด็กเล็ก ซึ่งผลกระทบต่อสุขภาพ PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี