ข่าวดี! “โมลนูพิราเวียร์” ยาต้านโควิดทดลองได้ผล ไทยเจรจาจองไว้แล้วสำหรับ 2 แสนคน
วันที่ 4 ต.ค. 64 ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีการพัฒนายา “โมลนูพิราเวียร์” (Molnupiravir) ที่มองว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนเกมของโควิด-19 โดยระบุว่า
“หลายคนอาจเห็นข่าวดีชิ้นนี้แล้ว Merck เผยแพร่ผลการศึกษาระยะ 3 MOVe-OUT trial ของยา Molnupiravir ซึ่งใช้กับผู้ป่วย โควิด กลุ่มเสี่ยงสูงที่มีอาการน้อย-ปานกลาง โดยผลระยะสั้น (interim result) พบว่ายาลดอัตราการป่วยหนัก ลดการนอนโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิตได้ 50% ทำให้ทีมนักวิจัยตัดสินใจหยุดการทำวิจัยก่อนกำหนด
หลังจากนี้บริษัทจะยื่นขออนุมัติการใช้ยาแบบ EUA ต่อ US FDA ถือเป็นข่าวดีมาก ๆ เพราะเป็นยาที่ทำขึ้นมาเพื่อโควิด โดยเฉพาะถัดจาก mAb ที่มีการใช้ก่อนหน้านี้ แต่ข้อดีของยานี้คือเป็นยากิน 5 วัน แทนที่จะต้องฉีดแบบ mAb
ก่อนหน้านี้ มีความกังวลว่ายาอาจจะล้มเหลวในการทดลองทางคลินิก จากเพราะ MOVe-IN trial ซึ่งใช้ยานี้ในผู้ป่วยกลุ่มนอนโรงพยาบาล ต้องปิดโครงการไป เพราะวิเคราะห์ออกมาแล้วพบว่าไม่ได้ผล ข่าวดีของยานี้อีกประการคือ Merck ประกาศจะสนับสนุนให้บริษัทอื่น นำสูตรยาไปผลิตแบบยาสามัญ (generic drug) ในประเทศตนเองได้ด้วย ประเทศไทยควรรีบจีบบริษัท เพื่อขอความร่วมมือผลิตยานี้ เผื่อจะสำเร็จ หลังจากการทดลองนี้ Merck ยังมี MOVe-AHEAD study ที่ศึกษาการใช้ยานี้ ในการป้องกันการป่วย กรณีที่พบว่ามีโอกาสได้รับเชื้อ (post exposure prophylaxis) ถ้าสำเร็จ จะยอดเยี่ยมขึ้นอีก”
ทางด้าน นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 10 ก.ย.64 กรณียาโมลนูพิราเวียร์ ว่า ขณะนี้ (ณ ขณะนั้น) อยู่ระหว่างการทดลองเฟสที่ 3 คาดว่าจะได้ผลการทดลองส่วนแรกประมาณปลายเดือนกันยายนนี้ หากยาได้ผลในเฟสที่ 3 จะมีการขึ้นทะเบียนกับ FDA สหรัฐอเมริกา ประมาณเดือนตุลาคม จากนั้นจะขึ้นทะเบียนกับ อย. ประเทศไทย คาดว่าจะนำมาใช้ได้ปลายเดือนพฤศจิกายน หรือต้นเดือนธันวาคม
“กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ได้เจรจากับบริษัทผู้ผลิตมาโดยตลอด เจรจาจองไว้สำหรับรักษา ในประเทศไทย จำนวน 200,000 คน ซึ่งยาโมลนูพิราเวียร์ กลไกการออกฤทธิ์จะคล้ายกับฟาวิพิราเวียร์ หากเป็นไปได้อาจจะนำมาใช้เป็นยาอันดับแรกในการรักษาโควิด-19” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว