สาเหตุและวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นของโรค “ไหลตาย”
จากที่ก่อนหน้านี้ได้เกิดความสูญเสียจากนักแสดงหนุ่มที่มีการเสียชีวิตเหมือนนอนหลับแล้วเสียชีวิตไปเฉยๆ เข้าไปปลุก เขย่าตัวอย่างไรก็ไม่ฟื้น ไม่พบร่องรอยอาการทรมานหรือผิดปกติใดๆ ซึ่งทำให้หลายคนตระหนกถึงอาการของการ “ไหลตาย” ขึ้น
อาการของโรคไหลตายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและใช้ระยะเวลาสั้นก่อนที่ร่างกายจะเป็นอันตรายจนถึงชีวิต โดยใช้เวลาเพียง 3-4 นาทีเท่านั้น ซึ่งสังเกตได้จากสิ่งเหล่านี้
– แขนและขาเกร็ง
– หายใจเสียงดังจากการมีเสมหะในหลอดลม
– บางรายปัสสาวะและอุจจาระราด เพราะสูญเสียการควบคุมของระบบประสาทโดยอัตโนมัติ
– ผู้ป่วยจะมีใบหน้าและริมฝีปากเขียวคล้ำ
สาเหตุของโรคไหลตาย
– บริโภคอาหารที่มีสารพิษวันละเล็กน้อย จนเกิดการสะสมและเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ
– ขาดสารอาหารที่เป็นวิตามินบี 1 อย่างรุนแรงเฉียบพลัน ทำให้คนที่แข็งแรงอยู่ดีๆ รู้สึกอ่อนเพลียและอยากนอน เมื่อหลับแล้วก็หัวใจวายตายเกือบจะทันที
– มีความผิดปกติของหัวใจ อาจพบว่ามีอาการเต้นระริกของหัวใจ เกิดจากหัวใจห้องล่างเกิดไฟฟ้าลัดวงจรทำให้มีการเต้นไม่สม่ำเสมอ เกิดไฟฟ้ามากระตุ้นให้เป็นจุดเล็กๆ ทำให้หัวใจห้องล่างบีบตัวไม่ได้ และสั่นระริกๆ ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายและสมองไม่เพียงพอ ภายใน 30 วินาทีจะเป็นลมหมดสติ 4 นาทีต่อมาถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นสมองจะตาย และภายใน 6-7 นาที ถ้ายังไม่หายก็จะเสียชีวิตในที่สุด
วิธีป้องกันอาการไหลตาย
– หากทราบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็กสุขภาพ และคลื่นไฟฟ้าหัวใจอยู่เสมอ
– ออกกำลังกายเป็นประจำ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
– งดการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
– หากมีไข้สูง ควรรีบทานยาลดไข้ และหากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์ อย่าปล่อยให้ตัวเองมีไข้ไปนานๆ
– ในกรณีที่ตรวจสุขภาพพบว่ามีความเสี่ยงสูง แพทย์อาจพิจารณาให้ฝังเครื่องกระจุกหัวใจไว้ในตัว
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อพบผู้ป่วยที่มีอาการไหลตาย
– จับผู้ป่วยนอนราบ ระหว่างรอรถพยาบาล
– ประเมินผู้ป่วย หากไม่หายใจหรือชีพจรที่คอไม่เต้น ให้กดหน้าอกให้ยุบลงราว 1.5 นิ้ว แล้วปล่อยให้คลายตัวเป็นชุดในความถี่ราว 100 ครั้ง/นาที จนผู้ป่วยรู้ตัว
– ไม่ควรงัดปากผู้ป่วยด้วยของแข็ง เพราะอาจเป็นอันตรายและระลึกเสมอว่าคนที่เป็นโรคไหลตายอาจมีโรคอื่นของสมอง เช่น ลมชัก โรคหัวใจ ที่อาจเป็นเหตุให้หมดสติได้เช่นกัน