สาเหตุและวิธีแก้ไม่ให้ “ตากระตุก”
หลายคนน่าจะเคยได้ยินถึงลางบอกเหตุว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี” จากอาการตากระตุก แต่หากไม่นับเรื่องความเชื่อนี้การที่ตากระตุกนั้นเป็นผลมาจากร่างกายเริ่มมีปัญหาอะไรสักอย่าง ซึ่งมีความรุนแรงตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงอาการหนักจากต้องเข้าพบแพทย์เฉพาะทาง วันนี้เราเลยมาบอกสาเหตุ วิธีแก้ และวิธีป้องกันเบื้องต้นมาฝาก
สาเหตุของอาการตากระตุกเบื้องต้น
– นอนหลับไม่เป็นเวลา นอนหลับไม่เพียงพอ
– มีความเครียดสะสมเป็นเวลานาน
– ดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป
– สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
– เจอกับแสงสว่าง แสงจ้า ลม หรือมลพิษทางอากาศ
– ตาล้า ตาแห้ง เกิดการระคายเคืองที่เปลือกตาด้านใน หรือโรคภูมิแพ้
– ขาดวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารอาหารบางชนิด
– เป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิดที่กำลังใช้/กินอยู่
วิธีแก้อาการตากระตุกในเบื้องต้น
– นวดดวงตาเป็นเวลา 30 วินาที
– หลับตาลงแน่นๆ เป็นเวลา 1 นาที
– กระพริบตาถี่ๆ
– พรมน้ำอุ่นกับน้ำเย็นลดอาการตากระตุก
– หยอดน้ำตาเทียม
– ประคบร้อนบนดวงตา
วิธีป้องกัน
– เข้านอนให้ตรงเวลา นอนหลับพักผ่อนให้เพียง
– พยายามลดความเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ และหาเวลาพักผ่อนหย่อนใจ
– ลดปริมาณในการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนลงครึ่งหนึ่ง
– ลด หรืองดสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์
– หลีกเลี่ยงการให้ดวงตาเจอกับแสงสว่าง แสงจ้า ลม หรือมลพิษทางอากาศ
– พักสายตาระหว่างการทำงานระหว่างวัน รวมถึงใช้น้ำตาเทียมเป็นประจำ เพื่อป้องกันอาการตาแห้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่เปลือกตาด้านใน
– รักษาอาการโรคภูมิแพ้ให้ดีขึ้น
– รับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่
หากทำแล้วไม่หายก็ควรปรึกษาแพทย์ถึงความน่าจะเป็นว่า ตัวยาที่กินอยู่เป็นประจำ อาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย รวมถึงอาการตากระตุกได้หรือไม่ เพื่อให้แพทย์พิจารณาเปลี่ยนยาที่เหมาะสมกว่าเดิม
หรือหากมีอาการตากระตุกที่ผิดปกติ เช่น ตากระตุกบ่อยเกินไปจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือมีอาการตากระตุกร่วมกับอาการอื่นๆ ควรรีบปรึกษาเพื่อหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาต่อไป