สวรส. เผยผลวิจัยประสิทธิภาพฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมพัฒนาให้ใช้ได้จริงในระบบสุขภาพไทย
วันที่ 5 ก.ค. 66 สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เปิดเผยการวิจัยประสิทธิศักย์และความปลอดภัยของการใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย เพื่อพิสูจน์ประสิทธิศักย์ของยาฟ้าทะลายโจร ในการป้องกันการอักเสบของปอด ร่วมกับการลดปริมาณเชื้อในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย พร้อมกับอาการข้างเคียงจากการใช้ยาฟ้าทะลายโจร
โดยการวิจัยศึกษา 2 พื้นที่หลักคือ จ.สระบุรี และ จ.ปราจีนบุรี โดย จ.สระบุรี มีพื้นที่ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ Hospitel ไฮโฮเต็ล ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลหนองแค โรงพยาบาลสนาม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ภายใต้การดูแลของศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพฯ จ.นครนายก และสถานพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยในเขตสุขภาพที่ 4
ส่วน จ.ปราจีนบุรี มีพื้นที่ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โดยทั้ง 2 พื้นที่มีวัตถุประสงค์หลักในการพิสูจน์ประสิทธิศักย์ของยาฟ้าทะลายโจร ในการป้องกันการอักเสบของปอด ร่วมกับการลดปริมาณเชื้อในผู้ป่วย
ทั้งนี้ จ.สระบุรีมีผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการ 396 คน และ จ.ปราจีนบุรี 271 คน โดยมีวิธีการเก็บข้อมูลเหมือนกัน แต่มีการใช้รูปแบบยาที่ต่างกัน แบ่งเป็น จ.สระบุรี ใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจร ส่วน จ.ปราจีนบุรี ใช้ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร ซึ่งแม้ทั้ง 2 พื้นที่จะมีขนาดในการใช้ยาที่ต่างกัน แต่ผลจากการศึกษาพบเหมือนกัน
สำหรับผลการวิจัยสรุปว่า ยาฟ้าทะลายโจรไม่สามารถลดอัตราการเกิดปอดอักเสบ หรือลดอาการและลดปริมาณเชื้อไวรัสได้ เมื่อเทียบกับยาหลอก และการได้รับยาฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 5 วันจะเกิดผลแทรกซ้อนต่อการทำงานของตับ ซึ่งเป็นผลวิจัยที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ สามารถนำไปอ้างอิง และเป็นข้อควรระวังในการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ต่อไป
ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้จ่ายสารสกัดฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิดที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ซึ่งนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังอาจส่งผลต่อการทำงานของตับด้วย