เวที HACK เงินประกันสังคม 2025 พบกองทุนรักษาพยาบาล งบฯสูงขึ้นทุกปี แนะเปิดเผยข้อมูล 100% ลดทุจริต

เวที HACK เงินประกันสังคม 2025 เปิดงบปี 67 ใช้ แผนงานยุทธศาสตร์ มากที่สุด 2.6 พันล้านบาท บอร์ด สปส. ฝ่ายลูกจ้าง จี้เปิดเผยข้อมูล 100% ลดทุจริต บริหารต้องโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ด้าน สปส.ยืนยันกองทุนมีเสถียรภาพ เร่งทำงานเชิงรุก ดึงคนเข้าระบบ หวังเพิ่มเงินสมทบระยะยาว
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 68 ที่ห้องสัมมนา B1-5 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ จัดงาน HACK เงินประกันสังคม 2025 #OPENSSO โดยนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ กล่าวว่า ระบบประกันสังคมเป็นกลไกสำคัญของรัฐในการคุ้มครองทางสังคม สร้างหลักประกันให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นกำลังหลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ระบบนี้ออกแบบขึ้นมาเพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเป็นธรรม ให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานที่จำเป็น
ระบบประกันสังคมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยป้องกันภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจของครัวเรือนที่เกิดจากความไม่คาดฝัน ต่อความสามารถในการทำงานและการหารายได้ เป็นหลักประกันในวัยเกษียณผ่านกองทุนบำนาญชราภาพ ช่วยให้แรงงานดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคง แม้จะพ้นวัยทำงาน
การบริหารงบประมาณของระบบประกันสังคมต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่ากองทุนประกันสังคมมีเสถียรภาพ สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นที่ต้องศึกษา เพื่อการสร้างความมั่นคงให้กับระบบประกันสังคม เพราะงบประมาณเป็นแหล่งเงินทุนหลักในการจัดสรรสวัสดิการกว่า 20 ล้านคน ไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่องที่ส่งผลต่อความสามารถในการจ่ายเงินให้ผู้ประกันตนในอนาคต
“งานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการบริหาร จัดทำงบประมาณที่ดี วางแผนอย่างรอบคอบ ลดความเสี่ยงทางการเงิน ทำให้ระบบประกันสังคมมั่นคงและดำเนินการได้อย่างยั่งยืน โดยจะร่วมกันศึกษา หาข้อเสนอแนะ รองรับสวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาล เพื่อบริหารรายรับและรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
งบประมาณกองทุนประกันสังคม รายรับต่อปี 2 แสนล้านบาท ค่าใช้จ่ายบริหารปีละ 5 พันล้านบาท
ด้านรศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) สัดส่วนผู้ประกันตน (ลูกจ้าง) กล่าวว่า งบประมาณของกองทุนประกันสังคม แต่ละปีมีเงินเข้าประมาณ 2 แสนล้านบาท ค่าใช้จ่ายบริหารปีละ 5 พันล้านบาท ตลอด 1 ปีที่ทำงานมา
การให้ภาคประชาสังคมหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบได้จะเป็นผลดีในระยะยาวต่อประกันสังคม โดยเงินที่เข้าในแต่ละปีของทั้ง 3 ฝ่าย อยู่ที่กว่า 2 แสนล้านบาท มาตรา 40 มีเงินเข้า 4 พันล้านบาท ในมาตรานี้จ่ายปีละ 28% หรือพันกว่าล้านบาท
ในการบริหารกองทุนประกันสังคม มีการแบ่งเงินออกมาเป็น 3 กองตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายการลงทุน
1. กองที่ใหญ่ที่สุด เรียกว่า กอง 2 กรณี หรือว่า กองสงเคราะห์บุตร กับกองบำนาญ จะมีรายรับเข้ามาแต่ละปี 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากการสมทบ และส่วนหนึ่งจากการลงทุน มีสำรองอยู่ 2.2 ล้านล้านบาท มีการลงทุนในระยะยาวที่สุด เป็นกองที่สามารถแบกรับความเสี่ยงด้านการลงทุนได้มากที่สุด เพราะว่าเป็นกองที่มีการลงทุนในระยะยาว
2. กอง 4 กรณี มีรายรับประมาณปีละ 8 หมื่นล้านบาท มีสำรองเหลืออยู่ 8.3 หมื่นล้านบาท กองนี้จะจ่ายเรื่อง ตาย ทุพพลภาพ เจ็บป่วย คลอดบุตร กองนี้จึงมีค่าใช้จ่ายแทบจะวันต่อวัน การลงทุนของกองนี้จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ต้องมีสภาพคล่อง และแบกรับความเสี่ยงได้น้อยกว่า กองนี้ในปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ติดลบ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่ประกันสังคมแบกรับจะสูงขึ้นทุกปี โดยคู่สัญญาของประกันสังคม คือ โรงพยาบาลเอกชน อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ที่ประกันสังคมแบกรับ สูงกว่า สปสช.
3. กองว่างงาน อีกกองหนึ่งมีสภาพคล่องมากกว่าอีก 2 กอง มีรายรับดีกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท กองนี้เป็นกองที่แบกรับค่าใช้จ่ายในช่วงวิกฤตโควิด

แนะเปิดเผยข้อมูล 100% ลดทุจริต
ทีมประกันสังคมก้าวหน้า ในฐานะตัวแทนผู้ประกันตน ได้เข้ามาแน่นอนว่า คำมั่นสัญญาเป็นเรื่องสิทธิประโยชน์ ที่สามารถสื่อสารได้ ทุกคนเข้าใจ แต่เรื่องใหญ่ในประกันสังคม การบริหารการลงทุน พอร์ตมากกว่า 2 ล้านล้านบาท ก็อาจเป็นเรื่องที่สามารถสื่อสารให้สาธารณชนเข้าใจได้ รวมถึงการบริหารสำนักงาน ที่มีมูลค่าปีหนึ่งมากกว่า 5 พันล้านบาท ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่ได้สนใจเท่ากับเรื่องสิทธิประโยชน์
“ผมสื่อสารกับสำนักงานทุกอนุกรรมการที่ผมนั่งอยู่ว่า ไม่ได้เป็นการจับผิด สิ่งใดที่พบว่าเป็นข้อสงสัยและทำได้ดีขึ้นก็เป็นข้อเสนอ แต่ถ้าพบว่า หน่วยงานส่วนไหนที่งบประมาณขาดไป สามารถทำให้ดีขึ้นได้ ก็ไม่มีปัญหาในการมีข้อเสนอแนะ เพื่อให้มีการปรับงบประมาณเพิ่มเติมมากขึ้น” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าวและว่า
การบริหารสำนักงานกองทุนประกันสังคมเป็นต้นทางของการบริหารเงินเข้า เงินออก หัวใจใหญ่ที่จะเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อผลประโยชน์ที่กำหนดไว้แน่นอน ไม่ว่าผลการลงทุนจะเป็นอย่างไร ต้องสร้างความเชื่อใจ เช่น
– การบริหารต้องมีความโปร่งใสและธรรมาภิบาล
– การวางแผนระยะยาวแบบมีส่วนร่วม
– การปรับปรุงกฎหมายเพื่อความเป็นอิสระ
– การออกแบบสิทธิประโยชน์ที่จูงใจ
– การสร้างความยั่งยืนทางการเงิน
“ถ้าเราสามารถปรับผลตอบแทนการลงทุนได้ จะสามารถขยายอายุของกองทุนไปได้ 6-7 ปี จาก 3% ขึ้นไปถึง 6% การปรับตัวสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ก็มีผลต่ออายุกองทุนเช่นกัน แต่ถ้าประกันสังคมไม่โปร่งใส ไม่มีความเชื่อมั่น ประชาชนจะไม่สนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผมเชื่อว่า ถ้ามีการเปิดเผยข้อมูล 100% กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะมีความโปร่งใส ลดต้นทุนลงได้ เพิ่มคุณภาพบริการ และลดการทุจริตได้ เมื่อข้อมูลถูกเปิดออกมา ไม่ต้องตั้งหน่วยงานอิสระ หรือตั้งคณะกรรมการตรวจสอบให้วุ่นวาย และเชื่อว่า คนยินยอมที่จะจ่ายเงินมากขึ้น รวมทั้งคนอยากแสดงความคิดเห็น และมีส่วนร่วมมากขึ้นด้วย” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าว
ประกันสังคม ยันมีเสถียรภาพดูแลสิทธิประโยชน์ราว 30 ปี ขณะนี้เงินสมทบอยู่ที่ 3.2 ล้านล้านบาท
ด้านนายสุรสิทธิ์ ศรีแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า การบริหารเงินเพื่อจ่ายสิทธิประโยชน์เพื่อคุ้มครองประชาชน ขณะนี้มีประชาชนกว่า 66 ล้านคน กว่า 40 ล้านคนน่าจะเป็นผู้ที่ทำงาน ในระบบการจ้างงานตามที่ปรากฏในมาตรา 33 อยู่ที่กว่า 12 ล้านคน ถ้ารวมมาตรา 39 หลังจากออกจากงานมีล้านกว่าคน และมาตรา 40 อยู่ที่ 24 ล้านคน ทั้งหมดสมาชิกประมาณ 50 ล้านคน โดยบริหารเงินไปสู่เป้าหมายการดูแลประชาชน ภายใต้หลักการ เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข มีส่วนร่วม 3 ฝ่าย
วันนี้เงินสมทบมีการจัดเก็บอยู่ที่กองทุนรวมทุกอย่างที่ 3.2 ล้านล้านบาท มีเสถียรภาพในการดูแลสิทธิประโยชน์ไปอีกประมาณ 30 ปี รายรับหลักไม่ใช่เรื่องดอกเบี้ยหรือการลงทุน แต่มาจากเงินสมทบ จึงมีการวิเคราะห์โอกาส ความเสี่ยง และได้เปิดฐานคำนวณค่าจ้างให้เป็นขั้นบันได เป็นประโยชน์โดยตรงแก่ผู้ประกันตน ตอนนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอแก้ไขพระราชกฤษฎีกา
แนวทางที่ 2 ได้ดำเนินงานเชิงรุก พยายามดึงผู้ใช้แรงงานอิสระ ขณะนี้มีอยู่ 11 ล้านคน เพื่อให้เงินสมทบมากขึ้นและคุ้มครองให้ได้รับสิทธิประโยชน์ รวมทั้งเปิดโอกาสให้คนกลุ่มอื่น เช่น แม่บ้าน เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ประมง และหาบเล่แผงลอย ซึ่งกลุ่มนี้มีประมาณ 50,000 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็น แล้วจะปลดล็อคแก้ไขพระราชกฤษฎีกาต่อไป
“ถ้าข้อมูลใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณ แผนงาน จะเปิดทุกเรื่อง หากเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคล เช่น รายงานการประชุม ก็จะดูตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ว่ากระทบหรือไม่ แต่ยืนยันว่า เปิดตามข้อกฎหมายทุกประการ” นายสุรสิทธิ์ กล่าว
ขณะที่ ผศ.ดร.นครินทร์ ปิ่นปฐมรัฐ ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนา สำนักงานประกัน เสริมว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรมีผลอย่างมีนัยยะสําคัญ ส่งผลต่อรายรับและรายจ่าย เพราะไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ แต่กองทุนยังมีเสถียรภาพมีรายรับจากเงินสมทบอย่างเดียว 2.2 แสนล้านบาท แต่จ่ายออกไปใน 7 กรณี อยู่ที่ 1.35 แสนล้านบาท แต่การเข้าถึงบริการประกันสังคมสูงขึ้นทุกปี

ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะมีผู้สูงวัยที่ไม่อยู่ในวัยทำงาน 30% ของประชากร จุดนั้นจะเป็นจุดที่เงินสมทบเท่ากับรายจ่าย แต่ด้วยกองลงทุนจะสามารถยืดอายุกองทุนได้อีก 20 ปี ถ้าไม่ทำอะไรเลยกองทุนประกันสังคมจะอยู่ได้อีก 30 ปี และจะไม่เข้าสู่จุดสมดุล ความท้าทาย คือ ปรับสิทธิประโยชน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจและสังคม ถ้าเรา Hack ประกันสังคมออกมาจะมี 3 วิกฤตที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
1. วิกฤตทางสังคมสูงวัย ในกองชราภาพ ผู้ประกันตนสมทบที่ 6% ถ้าเขาสมทบมา 25 ปี แล้วเกษียณอายุ 55 ปี คนไทยจะเสียชีวิตประมาณ 79 ปี ประกันสังคมจ่ายอยู่ที่ 35% นี่คือสิ่งที่แบกรับอยู่
2. วิกฤตซ้อนทับ เช่น สถานการณ์โควิดที่ต้องเสียรายรับจากการลดเงินสมทบ ค่าใช้จ่ายดูแลรักษาผู้ประกันตน
3. วิกฤตถาวร การเปลี่ยนผ่านจากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป อาชีพอิสระเพิ่มมากขึ้น ทำให้รายรับมีปัญหา
“วันนี้มีทางออกที่จะยืดอายุกองทุนประกันสังคมไปได้อีก 55 ปี บนพื้นฐานที่ไตรภาคียอมรับได้ ไม่ได้แบกใครคนใดคนหนึ่ง ก็มีการยกระดับการลงทุน ปรับเพดานค่าจ้างเพื่อให้สิทธิประโยชน์เพียงพอต่อผู้ประกันตน ขยายความคุ้มครองกลุ่มอาชีพอื่น ดึงแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบ แต่ที่สำคัญที่สุด ภาครัฐเองก็ต้องมีส่วนร่วมเทียบเท่ากับนายจ้างและผู้ประกันตน คือการส่งเงินสมทบมาที่ 555 นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดี ที่แผนยุทธศาสตร์ชาติรองรับสังคมสูงวัย ทำอย่างไรให้ผู้ประกันตน เกิดดี อยู่ดี และแก่ดี” ผศ.ดร.นครินทร์ กล่าว
เปิดงบประกันสังคม ปี 67 ใช้ แผนงานยุทธศาสตร์ มากที่สุด 2.6 พันล้านบาท
ขณะที่ นายไชยวัฒน์ วรรณโคตร ผู้จัดการทีมประกันสังคมก้าวหน้า กล่าวว่า ภาพรวมของงบประมาณสำนักงานประกันสังคม ตั้งได้ตามมาตรา 24 เงินกองทุนให้จ่ายเป็นประโยชน์ทดแทน โดยคณะกรรมการอาจจัดสรรเงินกองทุนไม่เกิน 10% ของเงินสมทบแต่ละปี ซึ่งเป็นเงินที่ได้รับจากลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล จะอยู่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท จากเงินสมทบทั้งหมดราว 2.5 แสนล้านบาท แต่การใช้จริงอยู่แค่ 5-6 พันล้านบาท ภาพรวมจะกระจายใน 3 แผน ได้แก่ แผนงานยุทธศาสตร์มากที่สุด ในปี 2567 ใช้งบประมาณ 2,632 ล้านบาท รองลงมา คือ แผนงานพื้นฐาน และแผนงานบุคลากรภาครัฐ
ในปี 2567 งบของกองไอทีอยู่ที่ 935 ล้านบาท หรือ 14.2% ส่วนงบซ่อมบำรุงอุปกรณ์ไอทีอยู่ที่ 356 ล้านบาท หรือ 5.4% แต่ในปี 2568 จาก 356 ล้านบาท กระโดดมาที่ 519 ล้านบาท คุรุภัณฑ์อาจหมดสัญญาในการซ่อมบำรุง จึงต้องตั้งงบใหม่ งบตัวนี้ถ้าไม่เปลี่ยนการบริหารจัดการก็อาจโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ ที่น่าสนใจ คือ งบงานลงทุน ที่มีทั้งอยู่ในส่วนของ 10% และไม่ได้อยู่ในนั้น งบบริหารกองลงทุนมี 2 ส่วนใหญ่ ๆ แยกเป็นงบบริหารจัดการทั่วไป และแยกเป็นงบค่า Management Fee ที่ไปรวมกับงบกำไรขาดทุน ซึ่งจะมีการรายงานทุกปี แต่จะไม่เห็นค่า Management Fee แต่ละสัญญาเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ จึงไม่มีตัวเลขสรุป และไม่รู้ได้เลยว่าเสียให้เป็นเงินเท่าไหร่


