สปสช. เร่งแก้ปมคลินิกชุมชนอบอุ่น ปฏิเสธออกใบส่งตัวผู้ป่วย เตรียมปรับอัตราเหมาจ่ายรายหัว

รองเลขาฯสปสช. รับทราบปมคลินิกชุมชนอบอุ่นปฏิเสธออกใบส่งตัว เร่งแก้ปัญหาระยะสั้นปรับอัตราเหมาจ่ายรายหัว ตามภาระการรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุ มีผล มี.ค.นี้ เตรียมชี้แจงผู้ประกอบการกำกับคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข 6 มี.ค.
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 68 นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีปัญหาการส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิกชุมชนอบอุ่นไปรักษาต่อที่หน่วยบริการที่มีศักยภาพ โดยพบว่ามีคลินิกชุมชนอบอุ่นบางแห่งปฏิเสธการออกใบส่งตัวว่า สปสช. รับทราบสถานการณ์ดังกล่าวและได้หารือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไข เบื้องต้น สปสช. จะออกประกาศเรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการผู้ป่วยนอกในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568
สาระสำคัญคือ การปรับอัตราเหมาจ่ายรายหัว ตามภาระการรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุ ซึ่งแนวทางนี้ได้ผ่านความเห็นชอบคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) เขต 13 กรุงเทพมหานครแล้ว เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจะดำเนินการปรับรายเดือนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน การส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิกชุมชนอบอุ่นนี้ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขด้วย ดังนั้น สปสช. จะบริหารตามสัญญาให้บริการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ขณะนี้ได้เสนอคณะอนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขระดับเขตพื้นที่ (อคม.) เขต 13 กรุงเทพมหานคร กรณีคลินิกชุมชนอบอุ่นปฏิเสธการส่งต่อในโรคที่เกินศักยภาพ ซึ่งถือว่าไม่ดำเนินการตามมาตรฐานและไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทาง สปสช. จำเป็นต้องใช้มาตรการทางสัญญาตามกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป เช่น การชะลอการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข เป็นต้น
“เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในวันที่ 6 มีนาคมนี้ สปสช. จะเชิญผู้ประกอบการคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม. เพื่อทำความเข้าใจเรื่องการกำกับคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขตามสัญญาต่อไป” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.วีระพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ปัญหาในระยะต่อไปนั้น สปสช. ได้หารือสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จะใช้กระบวนการสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นในการรับฟังความเห็นจากตัวแทนทุกภาคส่วนเพื่อออกแบบระบบบริการสาธารณสุขใน กทม. ใหม่ เน้นไปที่การสร้างความเข้มแข็งของระบบบริการสุขภาพในระดับปฐมภูมิ
โดยให้มีเครือข่ายและการมีส่วนร่วม ซึ่งจะรวมทั้งการออกแบบการจ่ายค่าบริการสาธารณสุข การจัดระบบการส่งต่อผู้ป่วย การจัดระบบเครือข่ายระหว่างหน่วยบริการปฐมภูมิ/ประจำและรับส่งต่อใหม่ เพื่อไม่ให้กระทบการรับบริการของผู้ป่วย เบื้องต้นจะดำเนินการกระบวนการสมัชชาสุขภาพในเร็วๆ นี้ เพื่อให้ได้รูปแบบที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องและเป็นฉันทามติร่วมกันต่อไป