“ความดันโลหิตสูง” เป็นปัญหาเรื้อรังของระบบสาธารณสุข แนะควรปรับพฤติกรรมลดเสี่ยงเกิดโรค
โรงพยาบาลราชวิถี ชี้ความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาเรื้อรังของระบบสาธารณสุขทั่วโลก เผยอายุเพิ่มมากขึ้นก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้น พร้อมแนะวิธีเลี่ยงการเกิดโรค เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และนอนหลับให้เพียงพอ
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 68 นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดี กรมการแพทย์ กล่าวว่า สมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลก ได้กำหนดให้วันที่ 17 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น “วันความดันโลหิตสูงโลก” (World Hypertension Day) โดยรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์อัมพาต โดยเน้นให้ประชาชน รู้ค่าระดับความดันโลหิตและระดับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงของตนเอง
ตลอดจนการปฏิบัติตนเพื่อดูแลรักษาระดับความดันโลหิต ระดับคลอเลสเตอรอล และน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับปกติ ซึ่งเป็นการป้องกันโรคที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary heart disease) โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (heart attacks) ไตวาย และตาบอด เป็นต้น
นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า ความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันเลือดสูงกว่าปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท โดยส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการใดๆ แต่บางรายอาจมีอาการได้ เช่น เวียนศีรษะ ตาพร่า เหนื่อยง่ายผิดปกติ หากมีอาการดังกล่าวควรพบแพทย์ เพื่อควบคุมความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ซึ่งการควบคุมความดันโลหิตในระยะยาว สามารถทำได้โดยการใส่ใจสุขภาพ และพยายามลดพฤติกรรมเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น
1.) ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดหวาน มัน เค็ม
2.) ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน
3.) ไม่สูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
4.) จัดสรรเวลาพักผ่อนให้เหมาะสม นอนหลับให้เพียงพอ
5.) ลดภาวะเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
6.) ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อวัดระดับความดันโลหิต ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่ต้องคอยควบคุมอาการไปตลอด เป็นต้น
นพ.เคย์ เผ่าภูรี หน่วยโรคหัวใจ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวิธีการวัดความดันด้วยตนเองที่บ้านนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้อุปกรณ์วัดความดันบริเวณต้นแขน ที่มีมาตรฐาน ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.) ไม่ดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่ หรือออกกำลังกายก่อนทำการวัด 30 นาที
2.) ก่อนทำการวัดควรถ่ายปัสสาวะให้เรียบร้อย
3.) นั่งเก้าอี้โดยให้หลังพิงพนัก เพื่อไม่ให้หลังเกร็งเท้าทั้ง 2 ข้าง วางราบกับพื้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายเป็นเวลา 5 นาที ก่อนวัดความดันโลหิต
4.) วัดความดันโลหิตในแขนข้างที่ไม่ถนัด หรือข้างที่มีความดันโลหิตสูงกว่า โดยวางแขนให้อยู่ในระดับเดียวกันกับหัวใจ
5.) ขณะวัดความดันโลหิตไม่กำมือ ไม่พูดคุยหรือขยับตัว โดยค่าความดันโลหิตปกติตัวบนไม่เกิน 120 มิลลิเมตรปรอท สำหรับตัวล่างไม่เกิน 70 มิลลิเมตรปรอท ในการวินิจฉัยความดันโลหิตสูง หากวัดความดันที่บ้าน ตัวบนมีค่ามากกว่า 135 มิลลิเมตรปรอท และตัวล่างมีค่ามากกว่า 85 มิลลิเมตรปรอท
ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ทานผักผลไม้ จำกัดการทานอาหารที่มีรสเค็มจัด และหมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ตรวจพบอาการได้เร็วขึ้น และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้อีกด้วย