สธ.เตรียมร่างกฎกระทรวงขออนุญาตเพิ่มเติม ส่วนใบสั่งจ่าย ‘กัญชา’ รอไกด์ไลน์สภาวิชาชีพ
กรมการแพทย์แผนไทยฯ อยู่ระหว่างหารือ 7 สภาวิชาชีพปม ‘ใบสั่งจ่ายกัญชา’ ยังไม่กำหนด 15 อาการ หลัง ‘รมว.สมศักดิ์’ สั่งเบรกให้ทบทวนก่อน ขณะนี้มอบให้สภาวิชาชีพกำหนดไกด์ไลน์อาการที่ควรใช้กัญชา หากแล้วเสร็จพร้อมประกาศบังคับใช้ต่อไป ล่าสุดเล็งออกกฎกระทรวงสาธารณสุข อนุญาตจำหน่าย ‘กัญชา’ เพิ่มเติม
หลังจากราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568 ซึ่งกำหนดควบคุมการใช้ประโยชน์จาก “ช่อดอกกัญชา” ให้เป็นสมุนไพรควบคุม ที่เน้นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น และการจำหน่ายต้องได้รับอนุญาต ที่สำคัญการจำหน่ายให้ผู้ที่ใช้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนด มีใบสั่งจ่ายสมุนไพรจากวิชาชีพที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา
กระทั่ง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เตรียมออกประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรื่อง กำหนดแบบตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568 โดยระบุแบบใบสั่งจ่ายสมุนไพร(กัญชา) สำหรับ 7 วิชาชีพ เบื้องต้นกำหนดให้สำหรับ 15 อาการ แต่ล่าสุดถูกเบรก โดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เนื่องจากมองว่า ประเด็นนี้จำเป็นต้องได้รับฟังความเห็นจากวิชาชีพต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยขอทบทวนก่อนจะออกประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกอีกครั้ง
ล่าสุด นพ.เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการ เรื่องทางออกในการบังคับใช้กฎหมายกัญชา เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา โดยหลักการที่ประชุมทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์ และสนับสนุนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (ช่อดอกกัญชา) ฉบับล่าสุด
ทั้งนี้ ในเรื่องการจัดบริการ เบื้องต้นทางกรมฯ ได้ออกแบบร่างใบสั่งจ่าย ที่เรียกว่า ภ.ท.33 เสร็จแล้ว จะประกอบด้วย ชื่อผู้สั่งจ่าย ที่เป็นบุคลากรวิชาชีพที่กำหนดในประกาศ ,จ่ายให้ใคร มีโรคต่างๆระบุไว้ สมควรได้รับปริมาณเท่าไหร่ต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เกิน 1 กรัม จำนวนวันที่ใช้ รวมปริมาณที่ใช้ ทั้งหมดเท่าไหร่และในใบสั่งจ่ายสั่งได้ไม่เกิน 30 วัน มีการลงชื่อผู้จ่ายและผู้รับใบสั่ง ดังนั้น คนที่จะซื้อต้องมีใบสั่งจ่ายนี้ เมื่อจะซื้อก็เอาไปแสดงที่ร้านถึงจะจำหน่ายให้ได้
ส่วนเรื่องกลุ่มอาการ เดิมออกแบบไว้ 15 อาการที่แพทย์ตรวจรักษาผู้ป่วยก่อนสั่งจ่ายกัญชา แต่ล่าสุดกำลังหารือแต่ละวิชาชีพ โดยจะให้แต่ละสภาวิชาชีพกำหนดไกด์ไลน์ขึ้นมา ซึ่งก็ขึ้นกับ 7 กลุ่มวิชาชีพ ประกอบด้วย เวชกรรม แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ทันตกรรม เภสัชกรรม ผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาแพทย์แผนจีน และหมอพื้นบ้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือเมื่อแล้วเสร็จจะมีการเผยแพร่ต่อไป
เล็งออกกฎกระทรวงอนุญาตจำหน่าย ‘กัญชา’ เพิ่มเติม
สำหรับแนวทางการกำกับที่จะดำเนินการต่อไปในเรื่องการขออนุญาตนั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กำลังร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการอนุญาตจำหน่ายสมุนไพรควบคุม ช่อดอกกัญชา เพื่อใช้ในอนาคต และจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จากนั้นต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา นำมาเวียนความเห็นถึงทุกกระทรวงว่าเห็นชอบหรือไม่ ถ้าไม่มีก็เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) หากครม.รับร่าง จึงส่งมาให้รมว.สาธารณสุขลงนาม คาดว่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือน
ในอนาคตการอนุญาตอาจจะมีข้อกำหนด อาทิ
1.จะต้องมีแพทย์ หรือบุคลากรวิชาชีพที่กำหนดตามประกาศ สธ.ล่าสุด ประจำอยู่ในร้านที่จะได้รับอนุญาต
2.ต้องได้รับการยินยอมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ที่เป็นที่ตั้งร้าน เนื่องจากกัญชามีกลิ่น มีควัน ซึ่งกลิ่น และควันถือเป็นเหตุรำคาญตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2530 เพราะประชาชน บางคนอาจจะแพ้กลิ่นได้
3.สัญญาเช่า เนื่องจากใบอนุญาตเรื่องสมุนไพรควบคุม ช่อดอกกัญชานั้นจะมีอายุ 3 ปี หากสัญญาเช่าเป็นปีต่อปี ดังนั้น หากนำสัญญาเช่ามาเป็นหลักฐาน จะต้องมีอายุมากกว่าอายุของใบอนุญาต
ส่วนเรื่องรายงาน ผู้รับใบอนุญาตต้องรายงานมายังกรม บังคับส่งทุก 1 เดือน หากไม่ส่งพักใช้ใบอนุญาต หรือรายงานเท็จก็พักใช้ใบอนุญาต และโดนคดีปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ ด้วย เจอ 2 เด้งถ้ามีการรายงานเท็จ และมีแบบรายงานว่านำช่อดอกกัญชามาจากที่ไหน เพื่อตรวจสอบย้อนกลับไปยังมาตรฐานการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยว
โดยแหล่งปลูกทุกแห่งต้องมีใบอนุญาตจำหน่ายและต้องเป็นเกรดทางการแพทย์ หรือ มาตรฐานอื่นที่เทียบเคียงก็สามารถดำเนินการได้ เช่น มาตรฐานโลกอียูจีเอ็มพี หรือออร์แกนิกไทยแลนด์ แต่ต้องมีผลวิเคราะห์ตามการผลิตและแต่ละรอบ จีเอพีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องมีผลวิเคราะห์เช่นเดียวกัน
“แปลงปลูกทุกแห่งต้องได้รับใบอนุญาตจำหน่ายด้วย ตอนปลูกอาจไม่ต้องไม่ขออนุญาต แต่เมื่อมีผลผลิตช่อดอกกัญชาเกิดขึ้น จะเท่ากับเป็นสมุนไพรควบคุม การเก็บเกี่ยวช่อดอกกัญชามาแปลว่าเตรียมจำหน่ายแล้ว แปลงปลูกจึงต้องขออนุญาตจำหน่ายด้วย” นพ.เทวัญกล่าว
นพ.เทวัญ กล่าวด้วยว่า การตรวจจับผู้กระทำผิดจะออกอย่างเข้มข้นทุกสัปดาห์ และผู้ประกอบการขอรับการสนับสนุนเรื่องการอบรมผู้ช่าวยแพทย์ในเรื่องการใช้กัญชาประจำร้าน ,ประเมินมาตรฐานการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีจากกรมให้มีประสิทธิภาพขึ้น และเรื่องการรับรองมาตรฐานที่เทียบเท่า และการตรวจวิเคราะห์ช่อดอกกัญชา ขอว่าอะไรที่เป็นมาตรฐานโลกแล้วให้กรมรับรองด้วย จะได้ไม่ติดคอขวดอยู่ที่บางหน่วยงาน กรมก็ยินยอม
นพ.เทวัญ ยังอธิบายเพิ่มเติม ว่า ในเรื่องประกาศสธ. สมุนไพรควบคุม ช่อดอกกัญชาฉบับใหม่ มีข้อแตกต่างจากเดิม หลักๆ คือ 1.ช่อดอกต้องมีมาตรฐานและแหล่งที่ได้รับมาตรฐาน และ 2.ต้องมีใบสั่งจ่าย เพราะฉะนั้นร้านกัญชาทุกร้านอยู่ได้เหมือนเดิม แต่คนจะเข้าถึงได้ยากขึ้น เพราะจะต้องมีใบสั่งจ่าย ถ้าไม่มีใบสั่งจ่ายจะจ่ายไม่ได้ และการสั่งจ่ายแต่ละครั้งสำหรับผู้ป่วย จะให้สั่งจ่ายได้ตามความจำเป็นเพื่อการรักษาเฉพาะตัว ครั้งละไม่เกิน 30 วัน ซึ่งใบสั่งจ่าย ร้านทุกร้านหลังจากได้ใบสั่งจ่ายต้องเก็ยไว้เป็นหลักฐานที่ร้านเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อรอตรวจ ส่วนเรื่องการสูบในร้านห้ามตั้งแต่ประกาศที่แล้ว และฉบับใหม่ก็ยังห้ามเช่นเดิม