กรมสุขภาพจิต เร่งติดตามอุณหภูมิใจคนไทยต่อเนื่อง พบมีอารมณ์การเมืองรุนแรง 9.91% ชี้ยังมีความตึงเครียดสะสมในสังคม โดยเพศชายมีแนวโน้มแสดงอารมณ์ทางการเมืองมากกว่าเพศหญิง พร้อมแนะพูดคุยรับฟังคนรอบข้าง

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 68 กรมสุขภาพจิตเผยผลสำรวจอุณภูมิใจประชาชน 14,502 คน พบ 1 ใน 10 มีความเสี่ยงต่อความเครียดและขัดแย้งสูงจากการติดตามข่าวสารและสถานการณ์ทางการเมือง แนะนำประชาชนระวังความเครียดรุนแรงจากการติดตามข่าวการเมืองอย่างใกล้ชิด ควรจำกัดเวลาการเสพข่าวและเลือกรับข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ พร้อมการเฝ้าระวังผลกระทบและให้ความรู้ด้านสุขภาพจิต เน้นส่งเสริมความเข้าใจและลดความตึงเครียดในสังคมเพื่อสุขภาพใจที่แข็งแรงและสังคมสงบสุข

นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความเปราะบางและซับซ้อนนี้ กรมสุขภาพจิตเฝ้าระวังและสำรวจผลกระทบทางสุขภาพจิต โดยจัดทำแบบประเมินอารมณ์ทางการเมืองผ่านระบบออนไลน์ พบว่า กลุ่มประชาชนส่วนใหญ่มีระดับอารมณ์ทางการเมืองอยู่ในระดับปกติ ร้อยละ 63.39 มีแนวโน้มอารมณ์ปานกลางถึงรุนแรงคิดเป็นร้อยละ 36.61 โดยกลุ่มประชาชนที่มีระดับอารมณ์ทางการเมืองที่น่ากังวลในกลุ่มรุนแรง ร้อยละ 9.91 ซึ่งสะท้อนว่ายังมีความตึงเครียดสะสมในสังคม โดยเพศชายมีแนวโน้มแสดงอารมณ์ทางการเมืองมากกว่าเพศหญิงในระดับรุนแรง กลุ่มอายุน้อยต่ำกว่า 30 ปี มีจำนวนผู้ที่มีอารมณ์รุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปี กลับพบว่ามีอารมณ์ทางการเมืองรุนแรงน้อยที่สุด

ในด้านการศึกษาจากผลการสำรวจพบว่ากลุ่มที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญาตรีมีแนวโน้มอารมณ์รุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่น และกลุ่มอาชีพที่มีแนวโน้มอารมณ์รุนแรง ได้แก่ ว่างงาน, ธุรกิจส่วนตัว นักเรียน/นักศึกษา ที่สำคัญยังพบว่าความถี่ในการติดตามข่าวการเมืองเป็นปัจจัยที่สำคัญ โดยยิ่งติดตามข่าวการเมืองทุกวันยิ่งมีแนวโน้มอารมณ์รุนแรงมากขึ้น โดยข้อคิดเห็นจากการสำรวจพบว่าวิธีที่ช่วยลดระดับอารมณ์ได้ดีที่สุด คือ เลือกไม่สนใจหรือเบี่ยงเบนความสนใจจากสถานการณ์และพูดคุยทางการเมืองกับผู้อื่น

นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า กรมสุขภาพจิตจึงขอแนะนำให้ประชาชนรู้เท่าทันการเสพข่าว เช่น จำกัดเวลาการติดตามข่าวไม่ให้มากเกินไป พร้อมส่งเสริมบรรยากาศของความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจในสังคมเพื่อเป็นการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมในการดูแลจิตใจของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง กรมสุขภาพจิตได้จัดทำสื่อความรู้ด้านสุขภาพจิตเกี่ยวกับการดูแลตนเอง การจัดการอารมณ์ และการลดความขัดแย้ง เผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์และเครือข่ายในพื้นที่ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต

เช่น การประชาสัมพันธ์ช่องทางปรึกษา อาทิ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 การจัดตั้งจุดปรึกษาใจเคลื่อนที่ และการเตรียมความพร้อมของทีม MCATT เพื่อให้ความช่วยเหลือเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยง และสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะการสื่อสารร่วมกับสื่อมวลชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการนำเสนอข่าวอย่างสร้างสรรค์และไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ กรมสุขภาพจิตจะติดตามอุณภูมิใจของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาสุขภาพจิตรุนแรงขึ้นในวงกว้าง และลดความตึงเครียดในสังคม โดยมีเป้าหมายสำคัญในการลดความขัดแย้ง ส่งเสริมความปรองดอง และนำไปสู่ความสุข ความสงบ และสันติภาพในประเทศอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ หากประชาชนรู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้ด้วยตนเอง สามารถขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง