ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาควบคุมพิเศษ “ทรามาดอล” (Tramadol) ตำรับยาเดี่ยว ชนิดรับประทาน มีผลบังคับใช้ 180 วันนับจากนี้เป็นต้นไป โดยอนาคตการจำหน่ายทำได้เฉพาะสถานพยาบาลเท่านั้น

เมื่อวันที่ 14 ก.ค.เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาควบคุมพิเศษ ฉบับที่ 57 ลงนามโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2568

โดยระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรฐาน 76(4) แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 และมาตรา 78 แห่งพระราชบัญยัติยา พ.ศ. 2510 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะกรรมการยา ในการประชุม ครั้งที่421-5/2567 เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2567 จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 นับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ 2 ให้เพิ่มความต่อไปนี้ เป็น(99) ของข้อ 3 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องยาควบคุมพิเศษ ลงวันที่ 26 พ.ค. พ.ศ.2521

เหตุผลควบคุมยาทรามาดอล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เปิดรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ประกาศ อย. เรื่อง กำหนดช่องทางการจำหน่ายยาทรามาดอล ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เนื่องจากพบปัญหาการนำยาไปใช้ในทางที่ผิดจนก่อให้เกิดปัญหาการเสพติด เพื่อเป็นการป้องกันและคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค คณะอนุกรรมการทบทวนตำรับยาแผนปัจจุบันในการประชุมครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 จึงมีมติเห็นชอบให้มีการกำหนดช่องทางการจำหน่ายยาทรามาดอล (Tramadol) ตำรับยาเดี่ยว ชนิดรับประทาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงได้ยก (ร่าง) ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง กำหนดช่องทางการจำหน่ายยาทรามาดอล

โดยประกาศนี้ มีสาระสำคัญกำหนดให้ผู้รับอนุญาตที่มีทะเบียนตำรับยาทรามาดอล (Tramadol) ตำรับยาเดี่ยวชนิดรับประทาน เมื่อผลิตหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว ต้องจำหน่ายให้เฉพาะสถานพยาบาล และไม่ให้ขายส่งไปยังสถานที่ขายส่งยาแผนปัจจุบัน และสถานที่ขายยาแผนปัจจุบันที่มีการขายส่งด้วย

ทั้งนี้ “ทรามาดอล (Tramadol)” หรือที่รู้จักกันว่า“ยาเขียวเหลือง” เป็นยาแก้ปวดในกลุ่มโอพิออยด์ ออกฤทธิ์เหมือนมอร์ฟีน มีทั้งแบบยาเม็ดและยาแคปซูลในทางการแพทย์ใช้รักษาอาการปวดระดับปานกลางถึงระดับรุนแรง โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาในปริมาณที่เหมาะสมและใช้ในระยะเวลาสั้นเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้