สธ.-ท้องถิ่น ชู 8 จังหวัดนำร่องแก้ปัญหายาเสพติด ผ่านมินิธัญญารักษ์ ตั้งเป้าปี 69 บำบัดอีก 1 แสนราย
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมท้องถิ่น นำร่อง 8 จังหวัด บูรณาการแก้ปัญหา ‘ยาเสพติด’ อย่างเข้มข้นในรูปแบบมินิธัญญารักษ์นอกโรงพยาบาล ด้าน ‘รมช.ชัยชนะ’ เผยตัวเลขผู้เสพทั่วประเทศ 2 ล้านราย มี 4 แสนรายเข้าบำบัด โดยในปี 68 พบสธ.บำบัดแล้ว 2.7 แสนราย ในจำนวนนี้กลับเสพซ้ำ 50% เร่งแก้ปัญหา ใช้แอปฯ ติดตามอาการอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน พร้อมร่วมมือกับชุมชนทำแบบบูรณาการทุกหน่วยงาน ตั้งเป้าปี 69 บำบัดอีก 1 แสนราย
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 68 ที่อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารสธ. ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายในพื้นที่นำร่อง 8 จังหวัด รวม 50 หน่วยงาน ได้แก่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปทุมธานี ยะลา สุราษฎร์ธานี และหนองคาย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับกรอบการดำเนินงาน เพื่อ เดินหน้าป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดให้ครอบคลุมทุกมิติ มุ่งสู่เป้าหมายลดจำนวนผู้เสพรายใหม่ ฟื้นฟูผู้ที่เคยหลงผิดให้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติสุข โดยเป็นไปตาม เป้าหมาย แผนดำเนินการยาเสพติดของรัฐบาล ที่อยากจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เรียบร้อย ทุกยุทธศาสตร์ ทั้งปราบปราม ป้องกัน ฟื้นฟู การยึดทรัพย์ ผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่บทบาท ในการบำบัดฟื้นฟู ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อสู่มุ่งหมาย ไทยปลอดยาเสพยาเสพ ขณะเดียวกัน นอกนากจากการนำร่อง 8 จังหวัดแล้ว รัฐบาลกำลังพิจารณาให้ทำทั้งประเทศ อยู่ระหว่างการทำคู่มือแนวทางบำบัดฟื้นฟู
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโรงพยาบาล ให้บริการด้านการคัดกรอง ประเมิน วินิจฉัย และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด จัดระบบการดูแลผู้ป่วยตามบริบทพื้นที่ ทั้งแบบผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และระบบส่งต่อ สนับสนุนการอบรมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในหน่วยบริการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี เช่น ตำรวจ ชุมชน อบจ. และครอบครัว ในกระบวนการ รักษาและติดตาม บันทึกและรายงานข้อมูลผู้รับบริการเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น โปรแกรม สารสนเทศของกระทรวงสาธารณสุข
ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับ 8 จังหวัดดังกล่าวเป็นจังหวัดนำร่องสำหรับ 10 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รูปแบบในการทำงาน โดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับท้องถิ่น ซึ่ง 10 อปท.มีความพร้อมจึงแสดงความจำนงค์ในการร่วมมือกับเรา โดยหลักการ คือ กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด แล้วคัดกรองและส่งต่อผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาตามขั้นตอนทางกฎหมาย ส่งตัวมาให้ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยผู้บำบัด ยาเสพติด จะต้อง ถูกคัดกรอง ประเมิน และจำแนกตามกลุ่มสี อาการ เข้าสู่การบำบัด โดยทีมมินิธัญญารักษ์ ซึ่งจะอยู่ในโรงพยาบาลชุมชน ซึ่งในครั้งนี้ รูปแบบบำบัดผู้เสพ ที่เป็นผู้ป่วย ในกลุ่มอาการสีเขียวและสีเหลืองเป็นหลัก ส่วนกลุ่มอาการสีแดง และส้ม ก็จะถูก ส่งไป ยังโรงพยาบาลธัญญารักษ์ เมื่อบำบัดแล้วก็จะมีการหาอาชีพ เพื่อให้พวกเขาได้ออกจากวงโคจรยาเสพติดให้ได้
ติดตามผู้ป่วยหลังบำบัดสัปดาห์ละ 3 วัน
เมื่อถามว่าจะลดจำนวนผู้เสพรายใหม่ใน 8 จังหวัดนี้เท่าไหร่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ปี 2568 กระทรวงสาธารณสุขบำบัดได้ถึง 270,000 คน แต่เมื่อบำบัดแล้วและกลับมาเสพซ้ำพบถึงร้อยละ 50 ดังนั้น วันนี้กระทรวงสาธารณสุขจะมีการยกระดับการติดตามผ่านแอปพลิเคชั่น “ล้อมรักษ์” ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เข้าไปติดตามผู้เสพที่เป็นผู้ป่วย เมื่อกลับไปบ้านแล้ว ต้องติดตามอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ว่า กลับบ้านแล้วยังมีปัญหากับที่บ้าน หรือที่ชุมชนหรือไม่ หากยังมีอยู่ก็ต้องนำกลับบำบัดใหม่
นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันภาพรวมทั่วประเทศมีตัวเลขผู้เสพยาประมาณ 2-3 ล้านคน มีคนที่ต้องบำบัด 4 แสนคน แบ่งเป็นผู้ป่วยสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว โดยโมเดลวันนี้รับบำบัดผู้ป่วยสีเหลือ และสีเขียว ส่วนสีเหลืองและสีเขียวจะส่งไปยังรพ.ธัญญารักษ์เช่นเดิม ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่า ปี 2569 จะบำบัดให้ได้ 1 แสนคนในส่วนของภาคสนาม คือ มินิธัญญารักษ์ที่ร่วมกับท้องถิ่น
“ ตรงนี้จะเป็นความเข้มข้นในการร่วมมือกันทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม เป็นการยกระดับแบบบูรณาการ เชื่อว่าจะยับยั้งปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและท่านนายกฯ” รมช.สธ.กล่าว
อนึ่ง ข้อตกลงความร่วมมือนี้ ภาคีเครือข่ายในพื้นที่นำร่องทั้ง 8 จังหวัด 10 หน่วยบริการ รวม 50 หน่วยงาน ประกอบด้วย อำเภอ 10 อำเภอ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 10 แห่ง โรงพยาบาล 10 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 แห่ง (องค์การบริหารส่วนจังหวัด 3 แห่ง เทศบาล 2 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 5 แห่ง) และสถานีตำรวจภูธร 10 แห่ง จะมีบทบาท ดังนี้
1) อำเภอ กำกับ ติดตาม และขับเคลื่อนนโยบายด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติด ด้านการบำบัดรักษา ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และด้านฟื้นฟูสภาพทางสังคม ในพื้นที่ ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ สนับสนุนการ บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัด จัดประชุมคณะทำงานหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
2) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ กำหนดแนวทาง และดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด อำนวยการและกำกับติดตามหน่วยคัดกรองในพื้นที่ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ พัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขด้านการดูแลผู้ติดยาเสพติด ติดตามผลการบำบัดและเฝ้าระวังการกลับมาใช้ยาเสพติดซ้ำของผู้ผ่านการรักษา โดยบูรณาการความร่วมมือกับครอบครัว ชุมชน และหน่วยงานในกระบวนการบำบัด
3) โรงพยาบาล ให้บริการด้านการคัดกรอง ประเมิน วินิจฉัย และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด จัดระบบการดูแลผู้ป่วยตามบริบทพื้นที่ ทั้งแบบผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และระบบส่งต่อ สนับสนุนการอบรมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในหน่วยบริการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี เช่น ตำรวจ ชุมชน อบจ. และครอบครัว ในกระบวนการ รักษาและติดตาม บันทึกและรายงานข้อมูลผู้รับบริการเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น โปรแกรม สารสนเทศของกระทรวงสาธารณสุข
4) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนอาคาร สถานที่และสิ่งจำเป็น เพื่ออำนวยความสะดวก หรือทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ส่งเสริมบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ร่วมบูรณาการ กิจกรรมและโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ผ่านการบำบัดในระดับพื้นที่
5) สถานีตำรวจภูธร คัดกรองและส่งต่อผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาตามขั้นตอนทางกฎหมาย สนับสนุนการรักษาความปลอดภัยและติดตามเฝ้าระวังผู้ผ่านการบำบัดไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมประชุม บูรณาการข้อมูลและดำเนินการด้านกฎหมายควบคู่กับการฟื้นฟูในพื้นที่