สธ. ลงนามความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เชื่อมโยงข้อมูลบริการสาธารณสุขบนระบบ MOPH Digital Health Platform สู่การเป็นระบบสุขภาพดิจิทัล แพทย์ดูข้อมูลสุขภาพจากระบบกลางได้อย่างไร้รอยต่อ วางแผนการรักษาได้แม่นยำ ลดความซ้ำซ้อนการตรวจรักษาระหว่างหน่วยบริการกระทรวงสาธารณสุขและสังกัดมหาวิทยาลัย

วันที่ 13 ส.ค. 68 ที่ห้องประชุมสารสิน ชั้น 2 อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุข บน Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข และข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล (Data Sharing Agreement : DSA)” ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งมี รศ.นพ.ภัทรพงษ์ มกรเวส คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผู้ลงนาม

นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมุ่งยกระดับระบบสาธารณสุขให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล โดยได้พัฒนาระบบบริการสุขภาพบน Digital Health Platform เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง ซึ่งที่ผ่านมามีการลงนามความร่วมมือเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุข บน Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข และข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล กับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในเขตภาคใต้และภาคเหนือ ส่วนความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ในครั้งนี้ จะเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุขบน MOPH Digital Health Platform และการแบ่งปันข้อมูลสุขภาพ เพื่อรองรับและขยายการบริการประชาชนในเขตภาคอีสาน โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น นับเป็นการเพิ่มความครอบคลุมการดูแลด้านสาธารณสุขในประเทศให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของประชาชนได้สะดวก รวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ ไร้รอยต่อ

อีกทั้ง ยังลดความซ้ำซ้อนในการตรวจรักษาระหว่างหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้การบริหารจัดการและส่งต่อข้อมูลอย่างปลอดภัย ตามหลักเกณฑ์การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ไม่ว่าจะเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใดก็ตาม

“การพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล คำนึงถึงหลักเกณฑ์ PDPA เป็นสำคัญ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นทางดิจิทัล โดยข้อมูลที่แบ่งปันร่วมกันจะทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดทางนวัตกรรม และการวิจัยในการให้บริการประชาชน และเกิดประโยชน์กับประเทศด้านการแพทย์และสาธารณสุขในอนาคต” นพ.โอภาสกล่าว