กมธ.สังคมฯ วุฒิสภาลงพื้นที่ “มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม” เดินหน้าผลักดันสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า
คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมฯ วุฒิสภา ร่วมยูนิเซฟ-นักวิชาการ ลงพื้นที่ติดตามงานดูแลเด็กเปราะบางในชุมชนเสือใหญ่ ชี้ปัญหาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่เพียงพอ เด็กปฐมวัยตกหล่นกว่า 1 ล้านคน เห็นพ้องเร่งขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมพัฒนาศูนย์ให้มีคุณภาพและเข้าถึงได้ทุกครอบครัว
เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 68 คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม วุฒิสภา โดยคณะอนุกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน และกลุ่มชาติพันธุ์ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้แทนจากยูนิเซฟ (UNICEF) คณะวิจัยจากสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะทำงานขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ลงพื้นที่ติดตามสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ณ มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชุมชนเสือใหญ่ประชาอุทิศ แขวงจันทรเกษม กรุงเทพมหานคร
นางจิตราภา หิมะทองคำ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ กล่าวว่า มูลนิธิฯ ดำเนินการมาแล้ว 40 ปี ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวในชุมชน ผ่านการจัดตั้งบ้านรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งชุมชนเสือใหญ่ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีอาชีพรับซื้อของเก่า เด็กก็จะไปกับพ่อแม่ เมื่อมูลนิธิฯตั้งขึ้น ผู้ปกครองจะนำเด็กมาฝากกับมูลนิธิ นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังมีโครงการฯเยี่ยมบ้าน และสร้างเครือข่ายการดูแลเด็กโดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ยูนิเซฟ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการศึกษา ในการจัดทำหลักสูตรจากการถอดบทเรียนการทำงานของมูลนิธิฯ อีกด้วย
ด้านนายกิตติพันธ์ อนันตกูลจิรโชติ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า ปัญหาสำคัญคือจำนวนบ้านรับเลี้ยงเด็กไม่เพียงพอ และบุคลากรด้านการดูแลเด็กยังต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการ พร้อมยืนยันว่าภารกิจของวุฒิสภาคือการสนับสนุนนโยบายเด็กเล็กถ้วนหน้า และเสริมศักยภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ครอบคลุมและมีคุณภาพ
ผศ.สุนี ไชยรส คณะกรรมาธิการ และในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเด็กปฐมวัยราว 1 ล้านคนตกหล่นจากระบบเงินอุดหนุน ในขณะที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ กทม. ยังไม่สามารถรับงบประมาณได้ทุกแห่ง เนื่องจากติดข้อบัญญัติท้องถิ่น ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการปรับแก้ เพื่อเป็นต้นแบบให้ท้องถิ่นอื่นดำเนินการได้ภายใต้นโยบายกระจายอำนาจ
ด้านนางศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ กล่าวว่า การดำเนินงานของ มูลนิธิฯ มีเป้าหมายให้เป็น “บ้านหลังที่ 2 ของหนู” เพราะเด็กคือทรัพยากรของโลก ดังนั้นเด็กต้องได้รับการดูแลตั้งแต่ต้น การสร้างชาติต้องดำเนินการผ่านการสร้างเด็ก การดำเนินการของมูลนิธิฯ มีสถานดูแลเด็ก 4` แห่ง ดูแลเด็กกลุ่มเปราะบาง อายุ 3-5 เดือน มีบ้านสมวัย จากครอบครัวเด็กที่ผู้ปกครองมีคดีถูกคุมขัง มีเดย์แคร์ สำหรับเด็กที่ยากจน รวมไปถึงการร่วมขับเคลื่อยนโยบาย กฎหมายเด็กปฐมวัยกับคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า การอบรมพี่เลี้ยงเด็กวิชาชีพ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีความสำคัญมาก หากศูนย์นั้นมีความเข้มแข็งในการดูแลเด็ก ที่สำคัญคือการยืดหยุ่นเวลาในการรับเลี้ยงเด็ก
จากนั้น คณะกรรมาธิการฯ ได้เยี่ยมชมสถานรับเลี้ยงเด็กบ้านครูแดง พระราม 3 และบ้านครูฉันท์ สาธุประดิษฐ์ 57 ซึ่งพบว่าจำนวนบ้านรับเลี้ยงเด็กลดลงเหลือเพียง 65 หลังจากกว่า 300 หลังในอดีต เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 และข้อกำหนดการตรวจสอบ ขณะที่การสนับสนุนจากภาครัฐยังจำกัด โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ต้องพึ่งพามูลนิธิฯ และการบริจาค
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องร่วมกันว่าการผลักดันสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าต้องทำอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้มีคุณภาพ เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมและครอบคลุม