แพทย์ชวนคนไทย “เปิดประวัติการรักษา” บน Health Link ลดขั้นตอน-ตรวจซ้ำซ้อน ดูแลผู้ป่วยรวดเร็วขึ้น
แพทย์ ชวนประชาชนยินยอมเปิดประวัติการรักษา บนแพลตฟอร์ม Health Link เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ผ่านแอปฯเป๋าตัง ทำให้แพทย์เข้าถึงประวัติคนไข้รวดเร็ว ครบถ้วน เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ลดการตรวจซ้ำซ้อน แถมเพิ่มความสะดวกให้คนไข้ ไม่ต้องกลับไปขอประวัติการรักษาจากสถานพยาบาลเดิม
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2568 พญ.ภัทรพร เกียรติปานอภิกุล อายุรแพทย์ต่อไร้ท่อ โรงพยาบาลรัตนประชารักษ์ กล่าวถึงแพลตฟอร์ม Health Link ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของคนไทยว่า อยากแนะนำให้ประชาชนที่ต้องเข้ารับการรักษาในหลายๆ สถานพยาบาล ทำการให้ความยินยอม (Consent) ในการเปิดเผยข้อมูลประวัติการรักษาบนแพลตฟอร์ม Health Link เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าไปดูเส้นทางการรักษาที่ผู้ป่วยเคยได้รับมา ซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัยในการดูแลต่อเนื่อง ลดความซ้ำซ้อนหรือโอกาสในการสั่งจ่ายยาที่มีผลรบกวนกับยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ และทำให้แพทย์ทำการวินิจฉัยและรักษาได้ทันที
พญ.ภัทรพร กล่าวว่า ในการรักษาคนไข้ แพทย์จำเป็นต้องดูประวัติผู้ป่วย เพื่อให้มั่นใจว่าการวินิจฉัยโรคถูกต้อง แต่การซักประวัติบางครั้งอาจเกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน อย่างการวินิจฉัยโรคหรือยาบางอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือผลแลป ผลเอ็กซเรย์ ที่ผู้ป่วยเคยตรวจก่อนหน้านี้ จำเป็นต้องให้คนไข้กลับไปสถานพยาบาลเดิมเพื่อเอาประวัติการรักษามาให้ ทำให้ไม่สามารถให้ดูแลคนไข้ได้ตั้งแต่วันที่มา หรือรักษาได้เพียงบางส่วน คนไข้ก็เสียเวลา ยิ่งมาจากต่างจังหวัดก็จะเสียค่าใช้จ่ายด้วย ทั้งนี้การมีแพลตฟอร์ม Health Link ในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ทำให้ลดขั้นตอนกลับไปขอประวัติผู้ป่วย ทำให้แพทย์ทราบประวัติการรักษาได้รวดเร็วและครบถ้วน ไม่ว่าจะมาด้วยกรณีฉุกเฉินหรือการรักษาต่อเนื่อง
“ประวัติพื้นฐานทั้งหมดของคนไข้สำคัญมากสำหรับการดูแลปัจจุบัน ทำให้การสื่อสารระหว่างแพทย์มีความเข้าใจตรงกันเพราะบันทึกข้อมูลเป็นศัพท์การแพทย์ และหากเพิ่งตรวจแลปมาไม่นานก็จะได้ลดการตรวจซ้ำซ้อน ยาที่คนไข้จำไม่ได้ก็สามารถดูข้อมูลได้เลย ทำให้สามารถจ่ายยาที่ไม่มีผลรบกวนกับยาตัวอื่น ความเสี่ยงของคนไข้ก็จะลดลง” พญ.ภัทรพร กล่าว
น.ส.น้ำฝน ประโพธิ์ศรี ผู้อำนวยการโครงการ Health Link สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์ม Health Link เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มองว่าประเทศไทยยังไม่มีแพล็ทฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ การจะนำข้อมูลไปวิเคราะห์เชิงนโยบายหรือนำไปปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการบริการก็ยังไม่มี ทั้ง 2 กระทรวงจึงร่วมมือกันพัฒนาแพล็ทฟอร์มกลางของประเทศขึ้นมา โดยให้มีความยืดหยุ่น เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของสถานพยาบาลข้ามสังกัดได้ ไม่ว่าจะใช้ HIS อะไรก็ตาม
แพลตฟอร์ม Health Link ที่พัฒนาขึ้นนี้ เป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วน ในแง่ของประชาชนนั้น การส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลอื่น เดิมต้องขอประวัติการรักษา บ่อยครั้งผู้ป่วยต้องเดินทางกลับไปขอข้อมูลมาให้อีกโรงพยาบาล เสียทั้งเวลาและค่าเดินทาง Health Link ได้ช่วยลดขั้นตอนนี้ได้ ดังนั้นหากคนไข้ให้การยินยอมเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบ Health Link และมีประวัติในโรงพยาบาลที่เชื่อมโยงข้อมูลกับระบบ Health Link เวลาไปรักษาที่ไหน แพทย์สามารถเรียกดูประวัติการรักษาได้เลย โดยคนไข้ไม่ต้องกลับไปขอข้อมูลจากโรงพยาบาลเดิม นอกจากนี้ยังสามารถดูประวัติการรักษาของตัวเองได้ ทำให้สามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้
ขณะเดียวกันสถานพยาบาลเอง บุคลากรผู้ทำการรักษาก็สามารถเรียกดูประวัติการรักษาของผู้ป่วยได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่เกิดการรักษาซ้ำซ้อน ลดการใช้ทรัพยากรหรืองบประมาณในการให้บริการ และในมุมของหน่วยงานกำหนดนโยบาย ในอนาคตหากมีปริมาณข้อมูลที่มากพอ หน่วยงานกลางก็จะสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดนโยบายต่างๆ ช่วยให้คาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับบริบทแต่ละพื้นที่ได้แม่นยำ
นอกจากนี้แล้ว ข้อมูลสุขภาพยังมีความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรม โดยใช้ข้อมูล Health Link เพื่อวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและออกแบบนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ความต้องการได้ จะทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านนวัตกรรมการแพทย์กับต่างประเทศได้มากขึ้น
“อยากเชิญชวนประชาชนมาให้การยินยอมเปิดเผยข้อมูลในระบบ Health Link เพราะจะเป็นประโยชน์มาก กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือจำเป็นต้องรับบริการในสถานพยาบาล แล้วมีโรคประจำตัวหรือประวัติการรักษาที่หมอจำเป็นต้องทราบ จะช่วยให้หมอมีข้อมูลเพียงพอในการวินิจฉัย ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ” ผู้อำนวยการโครงการ Health Link กล่าว
ซึ่งการจะใช้ระบบ Health Link ทำได้ง่ายๆ โดยให้การยินยอมเปิดเผยข้อมูลผ่านเมนูกระเป๋าสุขภาพในแอปพลิเคชันเป๋าตัง เมื่อเข้าไปในกระเป๋าสุขภาพแล้ว จะมีไอคอน Health Link สีเขียว ให้กดเข้าไปแล้วให้การยินยอมไว้ หลังจากนั้นเมื่อไปรับบริการแพทย์ก็จะสามารถเรียกดูประวัติการรักษาได้เลย ว่าเคยรักษาโรคอะไร ใช้ยาตัวไหน ผลแลปเป็นอย่างไร เป็นต้น
ด้าน นางกันต์สินี อารีย์โชคชัย หนึ่งในผู้รับบริการสาธารณสุขที่ให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลประวัติการรักษาบนแพลตฟอร์ม Health Link กล่าวว่า ได้ศึกษาข้อมูล Health link และเห็นว่าเป็นระบบที่ดี ข้อแรกคือช่วยร่นระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพราะที่ผ่านมาจะเจอปัญหาคือต้องไปพบหมอเพื่อเอาประวัติมาให้โรงพยาบาลอีกที่หนึ่งซึ่งบางครั้งใช้เวลา 2 วัน แต่เมื่อมีระบบนี้แล้วก็ทำให้มาโรงพยาบาลแล้วได้รับบริการทันที ไม่ต้องห่วงว่าจะลืมเอาเอกสารประวัติการรักษามาด้วย ข้อต่อมาคือเวลาหมอซักประวัติว่าเคยได้รับยาอะไรมา บางครั้งก็ลืม แต่ระบบนี้ช่วยทำให้เบาใจลงว่าประวัติการรักษาถูกบันทึกไว้ ทำให้มั่นใจเวลาไปหาหมอ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล จากที่ศึกษามารู้สึกมั่นใจเพราะเราต้องบอกหมายเลข OTP เพื่อให้หมอล็อกอินเข้าไปดูข้อมูล ก็ทำให้มั่นใจว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลไปถึงบุคคลอื่น
“ระบบนี้ยังตอบโจทย์นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เพราะบางครั้งคนไข้สะดวกไปคลินิกหรือศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เราก็จะสบายใจ ไม่ต้องไปนับหนึ่งเวลาคุยกับหมอ” นางกันต์สินี กล่าว