“หมอวีระพันธ์” หนุนกฎหมายแรงงาน ‘แพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข’ ลดชม.ทำงาน เพิ่มค่าตอบแทน
รองประธาน กมธ.การสาธารณสุข วุฒิสภา ชูวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข คงอยู่ในระบบ คือ ลดชั่วโมงการทำงาน เพิ่มค่าตอบแทน พร้อมมีกฎหมายแรงงานมาใช้ ช่วยลดภาระงานแท้จริง มีเวลาพักผ่อน ลดความผิดพลาดแก่การบริการรักษาประชาชน
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 68 นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา(สว.) และรองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์เฟชบุ๊กถึงประเด็นการคงอยู่ของกำลังคนด้านสุขภาพ โดยระบุว่า
“หากเห็นด้วยกับไอเดียนี้ ช่วยกันแชร์ เพราะผมมีแผนต่อไปเพื่อพวกเรา!”
หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่จะทำให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุขยังคงอยู่ในระบบ คือการลดชั่วโมงการทำงานและเพิ่มค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับความรู้ ความเสี่ยง และคุณภาพชีวิตที่พึงมี
หากเรานำกฎหมายแรงงานมาใช้กับบุคลากรกลุ่มนี้ทันที ผลลัพธ์จะชัดเจน บุคลากรจะมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น ลดความเหนื่อยล้า ลดความผิดพลาด และได้รับค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรมเมื่อทำงานล่วงเวลาหรือในวันหยุด เพราะตาม พรบ.คุ้มครองแรงงานระบุว่า
“ห้ามทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การทำงานล่วงเวลาต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง อัตราค่าล่วงเวลาอย่างน้อย 1.5 เท่าของค่าจ้างปกติ และในทางปฏิบัติไม่ควรเกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ถ้าถูกเรียกทำงานในวันหยุด ต้องได้รับค่าจ้าง 2 เท่าของค่าจ้างปกติ“
ในประเทศที่เจริญแล้ว เขาก็ใช้หลักการแบบนี้เช่นกัน
สหรัฐอเมริกา กำหนดชัดว่าแพทย์ประจำบ้านทำงานไม่เกิน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และไม่เกิน 24 ชั่วโมงต่อเวร พยาบาลทำงาน 36–40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และหากทำงานเกินเวลาจะได้ค่าล่วงเวลา 1.5 เท่า
แคนาดา ก็เช่นเดียวกัน แพทย์ประจำบ้านมีข้อกำหนดไม่เกิน 24 ชั่วโมงต่อเวร เฉลี่ยไม่เกิน 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และต้องได้วันหยุดอย่างน้อย 4 วันต่อเดือน ส่วนพยาบาลทำงาน 37.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หากทำ OT หรือทำงานวันหยุดจะได้ค่าตอบแทนสูงขึ้นตามกฎหมาย
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า บุคลากรทางการแพทย์ก็เป็นแรงงานเช่นกัน จึงควรได้รับการคุ้มครองด้านชั่วโมงทำงาน ค่าล่วงเวลา และวันพักผ่อนเหมือนอาชีพอื่น ๆ
แน่นอนว่าไทยอาจมีข้อท้าทาย โรงพยาบาลต้องเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง งบประมาณภาครัฐต้องเพิ่มขึ้น และบางสาขาไม่สามารถหยุดงานตรงเวลาได้ แต่หากยังปล่อยให้บุคลากรทำงานหนักเกินที่ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ปกติจะทนได้ เราจะเสียทั้งคนในระบบและความปลอดภัยของผู้ป่วยไปพร้อมกัน
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ นำกฎหมายแรงงานมาปรับใช้บางส่วนอย่างจริงจัง เช่น จำกัดชั่วโมงการทำงานต่อเนื่องไม่เกิน 24 ชั่วโมง กำหนดวันพักที่ชัดเจน และจ่ายค่าล่วงเวลาอย่างเป็นธรรม พร้อมกับการเพิ่มบุคลากรและปรับงบประมาณสาธารณสุขให้เพียงพอ
ถ้าอยากให้ระบบสาธารณสุขแข็งแรงและยั่งยืน เราไม่ควรปล่อยให้คนทำงานในระบบหมดแรงและหมดใจไปก่อน การคุ้มครองบุคลากรสาธารณสุขตามหลักการแรงงานสากลคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
โดยนพ.วีระพันธ์ ทิ้งท้ายว่า หากเห็นด้วยช่วยแสดงความคิดเห็นผ่านเฟชบุ๊กของตน Veerapun Suvannamai