รพ.จุฬาภรณ์ ชู ‘สารเภสัชรังสี’ อีกแนวทางรักษามะเร็งตับ ลุกลามหลอดเลือดดำ
สารเภสัชรังสี อีกวิธีรักษามะเร็งตับ ลุกลามหลอดเลือดดำ ปัจจุบันมี 4 แห่งรักษาได้ “จุฬาภรณ์-ศิริราช-รพ.จุฬาฯ-สถาบันมะเร็งแห่งชาติ”
สืบเนื่องจากทีมแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ออกมารณรงค์ให้ผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 คัดกรองหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และเชิญชวนฉีดวัคซีนป้องกัน เพราะหากติดเชื้อและป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีย่อมมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับในอนาคต ขณะเดียวกันยังให้ความรู้ถึงแนวทางการรักษาไวรัสับตับอักเสบบี และมะเร็งตับ
สำหรับแนวทางการรักษามะเร็งตับ นอกจากการให้เคมีบำบัด การผ่าตัดรักษาแล้ว ยังมีอีกแนวทาง ที่เรียกว่า การฉีดสารเภสัชรังสี หรือการฉีดยาเคมีบำบัดผ่านสายสวนหลอดเลือด
โดย นพ. กฤตรัตน์ ชัยจิรวิวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางรังสีร่วมรักษาส่วนลำตัว รพ.จุฬาภรณ์ กล่าวว่า การรักษามะเร็งตับที่มีโอกาสหายขาด คือ การผ่าตัด แต่ไม่ใช่ทุกเคสที่จะรักษาได้ด้วยวิธีนี้ หากตรวจพบช้าและก้อนเนื้อมีขนาดโตและลุกลามไปยังหลอดเลือดดำการรักษาอาจยากขึ้น ดังนั้น การรักษาด้วยวิธีเภสัชรังสี จึงเป็นอีกทางเลือก โดยในการรักษาจะมีการใส่สายสวนหลอดเลือด เพื่อให้สารเภสัชรังสีเข้าไปทำลายก้อนมะเร็ง ซึ่งหลังจากเนื้อมะเร็งได้รับสารเภสัชรังสีเข้าไป ตัวก้อนจะค่อยๆตายและยุบลง อีกทั้ง จะกระตุ้นให้ตับตรงข้ามกัน เนื้อตับโตมากขึ้น ทำให้มีโอกาสย้อนกลับไปรักษาด้วยการผ่าตัดให้หายขาดได้ ปัจจุบันจึงเป็นอีกวิธีที่ผลักดันให้คนไข้ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้เข้าสู่การรักษาด้วยการผ่าตัดได้มากขึ้น
“ปัจจุบันมีอยู่ 4 แห่งที่สามารถรักษาด้วยสารเภสัชรังสี คือ รพ.จุฬาภรณ์ ศิริราช รพ.จุฬาลงกรณ์ และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากตัวยายังต้องนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งหากรวมทั้งตัวยาและค่ารักษาจะอยู่ประมาณ 5-6 แสนบาท” นพ.กฤตรัตน์กล่าว
สำหรับข้อบ่งชี้ในการรักษาด้วยสารเภสัชรังสี คือ ก้อนมะเร็งมีขนาด 5-8 เซ็นติเมตร และมีการลุกลามหลอดเลือดดำของตับ ซึ่งไม่สามารถรักษาด้วยเคมีบำบัดแบบทั่วไป แต่การให้สารรังสีจะกระจายและเข้าไปยังหลอดเลือดดำในตับได้ดีกว่า ทั้งนี้ ไม่จำเป็นว่าก้อนมะเร็งต้องขนาดเล็ก เนื่องจากหากขนาดเล็กก็จะใช้วิธีด้วยการจี้ หรือให้ยาเคมีบำบัดทั่วไปได้
“รพ.จุฬาภรณ์รักษาด้วยวิธีนี้มาประมาณ 6-7 ปี โดยปีละ 10-15 ราย อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญควรป้องกันไม่ให้เกิดปัจจัยที่ส่งผลการเกิดมะเร็งตับ อย่างไวรัสตับอักเสบบีสามารถฉีดวัคซีนป้องกันได้ จึงควรมีการตรวจคัดกรอง ซึ่งหากตรวจพบมะเร็งตับเร็ว เจอตั้งแต่ก้อนเนื้อมะเร็งมีขนาดเล็กก็จะยิ่งมีโอกาสรักษาหายขาดได้ ทั้งผ่าตัด หรือจี้ หรือเคมีบำบัด แต่หากเจอก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้น การรักษาก็จะยิ่งยากขึ้น มีโอกาสแทรกซ้อนมากขึ้น ดังนั้น เจอตั้งแต่แรกๆดีที่สุด” นพ.กฤตรัตน์กล่าว