มีผลแล้ว! ประกาศแพทยสภาฯ เกณฑ์กำหนดโทษจริยธรรมแพทย์“โฆษณา-หมอแขวนป้าย”

มีผลแล้ว 9 ก.พ. 68 หลังประกาศในราชกิจจาฯ 120 วัน เรื่องประกาศแพทยสภาฯ เกณฑ์กำหนดโทษทางจริยธรรมความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพและการโฆษณา เตือนหมอทั่วประเทศระวัง “โฆษณาอวดอ้าง-หมอแขวนป้ายเปิดทางหมอเถื่อน” หากทำผิดพักใช้ใบอนุญาตทันที ถ้าผิดเกิน 3 ครั้งโดนเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพฯ ยกตัวอย่าง โฆษณาสเต็มเซลล์ ปัจจุบันยังไม่มีผลวิจัยใด ผ่านขึ้นทะเบียนเป็น “ยา” กับ อย.
ตามที่ รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ออกมาเปิดเผยให้ทางแพทย์ทั่วประเทศระมัดระวังเรื่องการโฆษณา เนื่องจากล่าสุด แพทยสภา ออกประกาศเกี่ยวกับ “เกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพและการโฆษณา” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา หลังจากราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศฯ 120 วันนั้น
ล่าสุดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นพ.ภาสกร วันชัยจิระบุญ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ให้ข้อมูลภายในงานเสวนาวิชาการเรื่อง บทบาทสภาวิชาชีพกับการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งจัดโดยสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย ว่า ขณะนี้มีผลบังคับใช้แล้ว สำหรับประกาศเกี่ยวกับ “เกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพและการโฆษณา
อย่างกรณีการแขวนป้ายของแพทย์ ซึ่งคำว่าแขวนป้าย เป็นคำกลางๆ แต่หากไม่ไปดูแล ก็จะกลายเป็นช่องทางสู่หมอปลอม หากจับครั้งแรกพักใช้ 1 ปี ทำผิด 3 ครั้งคือเพิกถอนใบอนุญาต แต่ถ้าแขวนป้าย ดูแลคลินิกทุกวัน แต่จ้างหมอเถื่อน ก็จะถูกพักใช้ใบ 1 ปี นอกจากนี้ การโฆษณาคุณวุฒิเสริมสวย ก็จะมีรายละเอียดว่าทำอะไรได้บ้าง ซึ่งปัญหาโฆษณาถือเป็นปัญหาหนักสุดจริงๆ อย่างประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปในเว็บไซต์แพทยสภา และค้นหาข้อมูลแพทย์ได้ หากแพทย์รายดังกล่าวถูกพักใช้ใบอนุญาต ก็จะค้นหาไม่เจอเช่นกัน
นอกจากนี้ ในเรื่องสเต็มเซลล์ก็ต้องระวัง ที่ผ่านมามีการโฆษณากันมาก ทั้งที่ยังไม่มีงานวิจัยออกมาแพร่หลาย ยิ่งก่อนหน้านี้มีเรื่องการเก็บสเต็มเซลล์จากสายสะดือ ซึ่งมีราคาสูงมาก จนล่าสุดสมาคมโลหิตวิทยา ออกข้อมูลว่า ไม่จำเป็นต้องเก็บสเต็มเซลล์จากรก เพราะโอกาสได้ใช้น้อยมาก และไม่มีหลักฐานทางการแพทย์
“ ขณะนี้ ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (Advanced Therapy Medicinal Products: ATMPs) อยู่ภายใต้พ.ร.บ.ยา ซึ่ง บางคนบอกว่า แบบนี้เหมือนปลดล็อก แต่จริงๆไม่ใช่ แต่เป็นการล็อกให้ถูกต้องทำถูกกฎหมาย เพราะเมื่อเข้าพ.ร.บ.ยา แสดงว่าต้องทำวิจัย ต้องตั้งโรงงาน ต้องผ่าน GMP ซึ่งอันนี้ต้องทำถูกต้อง แต่อย่างกรณีสเต็มเซลล์ปัจจุบันยังไม่มีสเต็มเซลล์อันไหนขึ้นทะเบียนยา ดังนั้น ที่มีการโฆษณาว่าเป็นยาทุกวันนี้ คือ ผิดกฎหมาย” นพ.ภาสกร กล่าว
รายละเอียดประกาศฯ ดูได้ตามไฟล์แนบด้านล่าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี เคยโพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กให้ความรู้ ว่า ประกาศเกี่ยวกับ “เกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพและการโฆษณา” เป็นการกำหนดเกณฑ์การลงโทษขั้นต่ำในความผิดทางจริยธรรม 4 แบบ ที่จะไม่มีการว่ากล่าวตักเตือน ไม่มีการภาคทัณฑ์ อีกต่อไป แม้จะเป็นความผิดครั้งแรก ก็ตามนอกจากนี้ยังมีความผิดทางอาญาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีก คือ
1. หมอแขวนป้าย…เจตนาเอาเลข ว. เอาใบประกอบโรคศิลป์ ไปให้ผู้อื่นจดทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล โดยไม่ได้อยู่ควบคุมจริงตามกฎหมาย เป็นจุดเริ่มต้นของหมอเถื่อนได้
2. หมอเถื่อน แพทย์ที่รู้เห็นเป็นใจ หรือ แพทย์ที่มีฐานะเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ต้องรับผิดชอบกรณีปล่อยให้คนที่ไม่ใช่แพทย์ที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายไทย มาทำงานแทนหมอ
3. ความผิดฐานโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ฐานโอ้อวดเกินจริง ลามกอนาจาร…พบได้บ่อย ที่แพทย์ทำตัวเป็น influencer, youtuber, tiktoker แล้วตบท้ายด้วยการโฆษณายา อาหารเสริม โฆษณาstem cell หรือสารพัดยาที่มีสรรพคุณเกินจริง
4. โฆษณาอวดอ้างวุฒิ คุณวุฒิ ความเชี่ยวชาญ ที่แพทยสภาไม่เคยให้การรับรอง พบได้บ่อยในการเสริมสวย อวดอ้างประสบการณ์ อวดอ้างความเชี่ยวชาญ
ความผิดเหล่านี้จะมีโทษขั้นต่ำคือ พักใช้ใบอนุญาต ไปจนถึง เพิกถอนใบอนุญาต หากถูกพักใช้ จะมีผลให้ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้ ตรวจรักษา ผ่าตัดไม่ได้ หากอยู่ระหว่างtrainingอาจถูก off trainingได้ หากมีสถานะเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ต้องไปจดแจ้งเลิกสถานะ ..ซึ่งหมายถึงคลินิกต้องถูกปิด ยกเว้นหาคนอื่นมาเป็นผู้ดำเนินการแทนได้ หากระหว่างถูกพักใช้ แล้วยังแอบประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือยังมีสถานะเป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาล จะโดนเพิกถอนใบอนุญาต
ทั้งนี้ การใช้ดุลพินิจ ในการลงโทษ ถือเป็นอิสระของกรรมการแพทยสภา เพียงแต่คราวนี้ จะมีการกำหนดกรอบในการใช้ดุลพินิจ เพื่อลงโทษ กับความผิด 4 กลุ่มนี้เป็นพิเศษ ไม่ได้มีการออกกฎเกณฑ์การลงโทษอะไรใหม่ เพราะกฎเกณฑ์การลงโทษ ยังมีอยู่เหมือนเดิม 4 แบบ คือ ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาตชั่วคราว และเพิกถอน สิ่งที่เปลี่ยนคือ กำหนดกติกา ในการลงโทษใหม่ให้ชัดเจน เพื่อป้องปราม คนที่มีเจตนาในการกระทำผิด