สปสช. ติดตามการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ‘บ้านปรานี จ.นครปฐม’ เผยปี 68 เตรียม 6 ล้านโดสฉีดกลุ่มเสี่ยง
สปสช. ติดตามการบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเปราะบาง “ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี จ.นครปฐม” ป้องกันการแพร่ระบาดในเรือนจำและสถานพินิจฯ ดูแลกลุ่มเสี่ยง ลดอัตราเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต เผยปี 68 เตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 6 ล้านโดส ฉีดกลุ่มเสี่ยง
ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย นางจินตนา แววสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สปสช. เขต 5 ราชบุรี ลงพื้นที่ไปยังศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี จ.นครปฐม สังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อเยี่ยมชมการให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่กับกลุ่มเสี่ยง ประจำปี 2568 ที่ดำเนินการโดยโรงพยาบาลสามพราน ร่วมกับ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี
สำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ประจำปี 2568 นี้ สปสช. ได้จัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อฉีดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ 4.5 ล้านโดส และเตรียมสำรองเพิ่มอีก 1.5 ล้านโดส รวมทั้งสิ้น 6 ล้านโดส ภายใต้เป้าหมายคือต้องฉีดวัคซีนให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 จากจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรร โดยเริ่มณรงคตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 31 ส.ค. 2568 พร้อมขอความร่วมมือหน่วยบริการรายงานผลการให้บริการรายบุคคลผ่านระบบ KTB สปสช. โดยให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ย. 2568 ทั้งนี้หากเสร็จสิ้นระยะเวลาการรณรงค์แล้วมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฯ คงเหลือในระบบ สปสช. จะดำเนินการการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเสี่ยงที่ตกหล่นในเดือน ต.ค. 2568
ภก.คณิตศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำและเด็กในสถานพินิจฯ เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เพิ่งได้รับการบรรจุเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ 8 ที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เมื่อปี 2567 ภายใต้สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาด ดังนั้นควรได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เช่นเดียวกับ 7 กลุ่มเสี่ยง
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ และเด็กในสถานพินิจฯ ได้มีการจัดสรรวัคซีนให้ตามกลุ่มเป้าหมาย โดยปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการจัดสรรให้จำนวนทั้งสิ้น 271,600 โดส ส่วนในปีนี้ก็ได้มีจัดสรรจำนวน 273,500 โดส ซึ่งเป็นไปตามจำนวนประชากรในเรือนจำและสถานพินิจที่ลงทะเบียนรับสิทธิในเดือน ก.พ. 2568 และขณะนี้วัคซีนส่วนหนึ่งได้จัดส่งถึงหน่วยบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีความจำเป็นสำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยในส่วนของกลุ่มเปราะบางในเรือนจำและสถานพินิจ เป็นไปเพื่อลดการแพร่ระบาด ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยงก่อนหน้านี้ด้วย หากได้รับเชื้อก็อาจลุกลามถึงขั้นปอดอักเสบและเสียชีวิตได้ ซึ่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงช่วยลดความรุนแรงของอาการ และทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็ว จึงอยากขอความร่วมมือหน่วยบริการต่างๆ ในการรณรงค์ฉีดวัคซีนกลุ่มนี้ด้วยอีกทางหนึ่ง เนื่องจากประชากรในเรือนจำและสถานพินิจฯ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะสามารถจัดสรรให้ได้รับวัคซีนอย่างถ้วนหน้าได้” ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช. กล่าว
ด้าน นางขนิษฐา บุญมาลี ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี กล่าวว่า ปัจจุบันทางศูนย์ฝึกฯ มีจำนวนเด็กในความดูแลทั้งหมด 30 คน ซึ่งด้วยที่พักอาศัยเป็นรูปแบบหอพักที่ไม่ได้แบ่งเป็นห้องส่วนตัว แต่จะต้องนอนร่วมกันอย่างใกล้ชิดห้องละ 8 คน ทำให้มีความเสี่ยงที่หากคนหนึ่งป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ก็อาจเกิดการแพร่ระบาดให้กับเพื่อนที่ใกล้ชิดได้ ดังนั้นการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยในวันนี้มีเด็กและเยาวชนทั้งหมด 22 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ฯ อีกจำนวนหนึ่ง
“ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและพัฒนาเยาวชนให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ การได้รับการดูแลสุขภาพจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการบูรณาการระหว่างกระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ สปสช. ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มสิทธิด้านสุขภาพให้เยาวชนกลุ่มนี้” นางขนิษฐา ระบุ
ขณะที่ นางพัชรี เกษรบุญนาค รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน กล่าวเสริมว่า ทางโรงพยาบาลได้มีการร่วมมือกับศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานีในการดูแลสุขภาพเด็กในศูนย์ฝึกฯ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้รับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ ทั้งการฉีดวัคซีนที่จำเป็นประจำปี การคัดกรองโรคประจำตัว และระบบการดูแลฉุกเฉินแบบเร่งด่วน (Fast Track) โดยหากพบเยาวชนในศูนย์ฝึกฯ มีอาการเจ็บป่วยจะได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว และยังมีช่องทางให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ในกรณีไม่สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลได้ทันทีด้วย
“ความร่วมมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการป้องกันโรคระยะสั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสุขภาพที่ยั่งยืนสำหรับเยาวชนในระบบพินิจ ให้พวกเด็กเหล่านี้กลับไปสู่สังคมด้วยความมั่นคงทั้งร่างกายและจิตใจ” รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน กล่าว
ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2568 นอกจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ผู้ต้องขังในเรือนจำและเด็กในสถานพินิจฯ แล้ว สปสช. ยังได้ร่วมมือกับกรมอนามัยและกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ดำเนินโครงการการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากเด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกเด็กและเยาวชน
โดยจะจัดบริการทันตกรรมเคลื่อนที่ร่วมกับโรงพยาบาล 6 รายการ ได้แก่ ตรวจสุขภาพช่องปากและวางแผนการรักษา ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน และเคลือบฟลูออไรด์ ซึ่งตั้งเป้าจะทำให้เด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ เข้าถึงบริการทันตกรรมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของเป้าหมาย