ชมรมนักวิจัยเภสัชกรรม ค้านเปลี่ยนสถานะทางกฎหมาย “ยาทรามาดอล”

“ชมรมนักวิจัยเภสัชกรรม” ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง “อย.” ค้านเปลี่ยนสถานะทางกฎหมาย “ยาทรามาดอล” กำหนดจำหน่ายเฉพาะในรพ.เท่านั้น ลดบทบาทเภสัชกรร้านยาให้จ่ายยานี้ไม่ได้ ชี้อาจกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ เสนอขอให้คงสิทธิขายได้ในร้านยา
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2568 ชมรมนักวิจัยเภสัชกรรม เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เรื่อง ขอคัดค้านการกำหนดช่องทางการจำหน่ายยาทรามาดอลเฉพาะในสถานพยาบาล ส่งถึง เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ลงนามโดย ภญ.ศิวพร ปีเจริญทรัพย์ ประธานชมรมนักวิจัยเภสัชกรรม
รายละเอียดในจดหมายเปิดผนึก ระบุว่า ชมรมนักวิจัยเภสัชกรรม ขอคัดค้านแนวทางการเปลี่ยนแปลงสถานะทางกฎหมายของ ยาทรามาดอล ที่กำหนดช่องทางการจำหน่ายเฉพาะในสถานพยาบาลเท่านั้น เหตุอาจก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างต่อระบบสาธารณสุขของประเทศไทย
โดยมีเหตุผลในการคัดค้านดังต่อไปนี้
1. ยาทรามาดอล เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ (บัญชี ค.) และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอาการปวดในระดับระดับกลางถึงรุนแรง มีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง ปวดข้อรูมาตอยด์ หรือภาวะหลังผ่าตัด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ได้ เช่น ผู้ป่วยไต ผู้ป่วยโรคพร่องเอนไซม์จีซิกพีดี การเข้าถึงยาทรามาดอล อย่างเหมาะสมช่วยลดการใช้ยากลุ่มเสพติดรุนแรง เช่น มอร์ฟีน หรือ เฟนทานิล ได้อย่างมีนัยสำคัญ
2. การกำหนดช่องทางการจำหน่ายยาทรามาดอลเฉพาะในสถานพยาบาล เป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วยในการเข้าถึงการรักษา โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกล การให้เภสัชกรชุมชนมีบทบาทในการดูแลอาการปวดโดยใช้ยาทรามาดอล จึงเป็นแนวทางที่ตอบสนองต่อความเป็นจริงของระบบสุขภาพ
3. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไม่เคยแสดงข้อมูลที่ชัดเจนว่าการนำ ยาทรามาดอล ไปใช้ในทางไม่เหมาะสมนั้นมีสาเหตุหลักมาจากร้านยา ซึ่งมีข้อกำหนดชัดเจนเกี่ยวกับ การซื้อ การเก็บรักษา การบันทึกข้อมูล และการรายงานปริมาณการใช้
4. การลดบทบาทเภสัชกรร้านยา จะส่งผลเสียต่อระบบสุขภาพชุมชนโดยรวม เภสัชกรเป็นผู้ให้บริการสุขภาพแนวหน้าของชุมชน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเดินทาง การกำหนดช่องทางการจำหน่ายยาทรามาดอลเฉพาะในสถานพยาบาล จะทำให้เกิดช่องว่างของการดูแลผู้ป่วย อันอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคร่วมอื่นหรืออาการข้างเคียงจากการเลือกใช้ยาที่ไม่เหมาะสมได้
5. การเพิ่มภาระงานให้กับ เเพทย์ พยาบาล เภสัชกร ในโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ต้องรับบริการที่โรงพยาบาลทุกครั้งที่ต้องการใช้ นอกจากปัญหาด้านภาระงานแล้ว ยังส่งผลเรื่องอัตราคงคลังในการสำรองยา ซึ่งกระทบเงินบำรุงที่มีอยู่อย่างจำกัดทำให้เพิ่มโอกาสเเละประสบปัญหาสภาพคล่องในการบริหารโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น ซึ่งสืบเนื่องการเบิกจ่ายทั้ง 3 กองทุน
เพื่อให้การควบคุม ยาทรามาดอล มีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อสิทธิของผู้ป่วยและการทำงานของผู้ประกอบวิชาชีพ ชมรมนักวิจัยเภสัชกรรมขอเสนอแนวทางดังนี้
1. คงสิทธิให้สามารถจำหน่าย ยาทรามาดอล ในร้านยา ได้ภายใต้ระบบควบคุมดังเดิม
2. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรมีแนวทางในการตรวจสอบติดตามสถานะของยา การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบตรวจสอบที่มีอยู่ การเชื่อมต่อระบบฐานข้อมูลกลางสำหรับการติดตามการใช้ยา การติดตามแบบเรียลไทม์ (Real-time dispensing record) ระหว่างสถานพยาบาลและร้านยาในรูปแบบดิจิทัล
สุดท้ายนี้ ชมรมนักวิจัยเภสัชกรรม ขอเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้พิจารณาประเด็นนี้ด้วยมุมมองที่รอบด้าน อยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่เป็นจริง ครอบคลุมทั้งมิติของสาธารณสุข สิทธิของผู้ป่วย และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้ประกอบวิชาชีพทุกวิชาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมในการพัฒนาระบบยาของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป