ทั่วโลกกว่า 970 ล้านคนมีปัญหาสุขภาพจิต ส่วนไทยพบเกิดความรุนแรงเฉลี่ยวันละ 42 คน

รมว.สธ. เปิดประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติเผย ประชากรทั่วโลกประมาณ 1 ใน 8 มีปัญหาด้านสุขภาพจิต และสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นหลังโควิดระบาด ขณะที่สถานการณ์ของไทย ปี 2567 พบผู้ถูกกระทำความรุนแรงเฉลี่ยวันละ 42 ราย โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัว สาเหตุจากยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต
วันที่ 1 ก.ค. 68 ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติ ครั้งที่ 24 ประจำปี 2568 เรื่อง “สุขภาพจิตดี สังคมอ่อนโยน…ไร้ความรุนแรง” (Mental Health for Gentle Society) โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต คณะผู้บริหาร และผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมประมาณ 1,000 คน
รัฐบาลผลักดันสุขภาพจิตเป็นวาระแห่งชาติ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งภาวะซึมเศร้า ความเครียดสูง เสี่ยงฆ่าตัวตาย รวมถึงมีผู้ถูกกระทำจากความรุนแรงจำนวนมาก โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่า ประชากรทั่วโลกกว่า 970 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 8 มีปัญหาด้านสุขภาพจิต และสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหา จึงได้ผลักดันให้สุขภาพจิตที่ดีเป็นวาระแห่งชาติ และกำหนดให้เดือนพฤษภาคมของทุกปี เป็นเดือนแห่งสุขภาพใจ และกระทรวงสาธารณสุขยังได้กำหนดให้การเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตและบำบัดยาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายมุ่งเน้น เพื่อส่งเสริมให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ไร้ความรุนแรง

ตัวเลขความรุนแรงพุ่งเฉลี่ยวันละ 42 คน
ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิตและยาเสพติดที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดปัญหาความรุนแรงในสังคมไทยมากยิ่งขึ้น โดยปี 2567 พบผู้ถูกกระทำความรุนแรง เฉลี่่ยวันละ 42 ราย โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัวที่มีจำนวนผู้ถูกกระทำมากถึง 4,833 ราย สาเหตุหลักมาจากยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิต การประชุมวิชาการสุขภาพจิตนานาชาติ ครั้งที่ 24 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2568 นี้ จึงกำหนดหัวข้อ “สุขภาพจิตดี สังคมอ่อนโยน…ไร้ความรุนแรง” (Mental Health for Gentle Society) เพื่อให้บุคลากรด้านสุขภาพ นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงานสุขภาพจิต และเครือข่ายสุขภาพจิต ระบบบริการสุขภาพ และภาคีสังคม ทั้งในและต่างประเทศ ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้สุขภาพจิตที่ทันสมัย แลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ นวัตกรรมใหม่ด้านสุขภาพจิตและจิตเวช รวมทั้งเผยแพร่ผลงานวิชาการ ส่งผลให้การพัฒนางานวิชาการด้านสุขภาพจิตและจิตเวชมีความก้าวหน้า เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและผู้รับบริการมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการมอบรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติแก่บุคคลและเครือข่ายที่ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานสุขภาพจิตด้วย