Skip to content
  • ข่าว

หมวดหมู่: ข่าว

“สว.วีระพันธ์” ถามสปสช.โปร่งใสจริงหรือ? สุ่มตรวจเวชระเบียน 3% แต่เหมา 100%

‘Bootcamp 2025’ ปั้นนิสิตแพทย์–คนรุ่นใหม่ สู้ NCDs–ลดตาย–ขับเคลื่อนสุขภาพชุมชน

กมธ.สังคมฯ วุฒิสภาลงพื้นที่ “มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม” เดินหน้าผลักดันสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า

“สมศักดิ์” เล็งตั้งค่ายบำบัดยาเสพติดทั่วประเทศ เดินหน้าฟื้นฟูด้วยใจ ดูแลผู้กลับจากชายแดนกัมพูชา

สวทช. เผย 10 เทคโนโลยีพลิกโฉมธุรกิจ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

สธ. จับมือ มข. แชร์ข้อมูลบริการสาธารณสุขผ่าน Digital Health Platform ภายใต้ พ.ร.บ. PDPA

สธ.จ่อให้ “เขตสุขภาพ” บริหารงบบัตรทองปี 69 ปรับค่า K เท่ากันทุกรพ.แก้ขาดสภาพคล่อง

นักวิชาการ มธ. เห็นด้วยผลักดัน “สิทธิลาคลอด” เป็น 180 วัน

“รพ.ลาดบัวหลวง” โชว์โมเดล “IoT” นำร่อง รพ.สต.สิงหานาท ช่วยผู้ป่วยเบาหวาน “หยุดยาสำเร็จ”

“สมศักดิ์” สั่งรับมือ “พิษสุนัขบ้า” สมุทรปราการ มั่นใจวัคซีนเพียงพอ ย้ำหลัก 5 ขั้นป้องกัน

แนะแนวเรื่อง

Previous page Page 1 Page 2 Page 3 Page 4 … Page 303 Next page

ข่าวสุขภาพ

  • “ถ้าจะขับ = ห้ามดื่ม” สังคมไทยเรียนรู้จากบทเรียนคดี “มารี เบิร์นเนอร์” สู่แผนแห่งชาติถนนปลอดภัย

    กรณี “มารี เบิร์นเนอร์” ปฏิเสธตรวจแอลกอฮอล์ ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ดาราดัง แต่คือบทเรียนใหญ่ที่เปิดทางสังคมไทยทบทวนกติกาใหม่ ศวส.–ศวปถ.–สคอ. หนุนแผนปฏิบัติการแห่งชาติ มุ่งสร้างวัฒนธรรมรับผิดชอบบนท้องถนน ด้วยกติกาชัดเจน “ถ้าจะขับ = ห้ามดื่ม”

    คืนวันที่ 24 ส.ค. 68 กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาใหญ่ในสังคมไทย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลางตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม และพบรถยนต์พอร์ชสีเขียวขับโดยนางสาวมารี เบิร์นเนอร์ นักแสดงชื่อดัง ซึ่งมีอาการคล้ายมึนเมา เจ้าหน้าที่ขอให้เป่าวัดแอลกอฮอล์ตามขั้นตอน แต่เธอปฏิเสธหลายครั้ง โดยอ้างว่าต้องการเข้าห้องน้ำก่อน แม้จะมีการเจรจาอย่างสุภาพและยึดหลักกฎหมายจากเจ้าหน้าที่ แต่สถานการณ์กลับตึงเครียดเมื่อชายที่โดยสารมาด้วยแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใช้ถ้อยคำหยาบคาย และอ้างความสัมพันธ์กับบุคคลระดับสูงในราชการ

    สุดท้ายเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งสองไปยัง สน.วังทองหลาง และแจ้งข้อหา “ขับรถขณะเมาสุรา” ตามมาตรา 43(2) แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 เนื่องจากปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ โดยผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว และจะถูกส่งฟ้องศาลแขวงรัชดาตามกระบวนการ เหตุการณ์นี้จุดประกายกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่พฤติกรรมของบุคคลสาธารณะและการบังคับใช้กฎหมาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็สะท้อนถึงความเข้มแข็งของระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัยสาธารณะอย่างไม่เลือกปฏิบัติ

    ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)และศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ได้ออกมายืนยันร่วมกันว่า ประเทศไทยควรเดินหน้าสามมาตรการสำคัญ 3 ด้านไปพร้อมกัน ได้แก่

    1) ต้นน้ำ : สร้างกติกาที่เข้าใจง่าย “ถ้าจะขับ = ห้ามดื่ม”
    2) กลางน้ำ : ระบบสุ่มตรวจแอลกอฮอล์ได้ทุกที่–ทุกเวลา (Random Breath Testing: RBT) เพื่อยับยั้งการดื่มแล้วขับอย่างได้ผลจริง
    3) ปลายน้ำ : มุ่งเน้นการตรวจสอบประวัติกระทำผิดซ้ำเมาแล้วขับทุกคดี หากปฏิเสธเป่าวัดแอลกอฮอล์ต้องทำสำนวนเสนอต่อศาลให้ลงโทษหนัก

    นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ( ศวปถ.) กล่าวว่า ทุกคดีเมาแล้วขับต้องมีการตรวจประวัติกระทำผิดซ้ำ และหากปฏิเสธเป่าตรวจวัดแอลกอฮอล์ต้องเพิ่มโทษหนัก พร้อมเสนอให้มีแผนปฏิบัติการแห่งชาติ ‘ถ้าจะขับ = ห้ามดื่ม’ โดยเน้นการสุ่มตรวจทั่วเมือง วางแผนความถี่–ช่วงเวลา–พื้นที่เสี่ยง และประเมินผลรายไตรมาส พร้อมเสนอให้รัฐสนับสนุนเครื่องมือ เช่น เครื่องตรวจพกพา กล้องติดตัว และการสื่อสารอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการดื่มก่อนขับอย่างเป็นรูปธรรม

    รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวว่า “กติกาที่ชัดเจนและการสุ่มตรวจที่คาดเดาไม่ได้ คือวิธีที่ยุติธรรมและปกป้องชีวิตได้จริง” พร้อมเสนอเป้าหมายเริ่มต้น “ตรวจเฉลี่ยอย่างน้อย 1 ครั้งต่อผู้ถือใบขับขี่ 1 คนต่อปี” เพื่อสร้างแรงยับยั้งทั้งระบบ

    ด้าน นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ. ) กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาดื่มแล้วขับมาอย่างต่อเนื่อง เป็นอันดับต้นต้นๆของอุบัติเหตุทางถนน หลายครอบครัวต้องสูญเสียผู้นำ หัวหน้าครอบครัว ญาติหรือคนที่รัก เด็กกำพร้าและคนพิการคือร่องรอยที่คนดื่มแล้วขับทิ้งไว้เกือบทุกคืน การที่ตำรวจออกมาเข้มงวดกวดขัน หวังว่าจะช่วยลดความสูญเสียในสังคมไทย มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพดียิ่ง หากคนมีชื่อเสียง ร่ำรวย ยังมีวิธีคิดแบบเดิมๆ ไม่ยอมให้ความร่วมมือหรือดื้อด้านมองผู้ปฏิบัติงานในหน้าที่ในทางที่ผิดเท่ากับกำลังซ้ำเติม ขยายวงความสูญเสียให้มากยิ่งขึ้น ไม่ควรปล่อยให้อยู่เหนือกฎหมาย สมควรต้องลงโทษสูงสุดมิให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อไป

    กรณีของมารี เบิร์นเนอร์จึงไม่ใช่เพียงเหตุการณ์เฉพาะบุคคล แต่เป็นบทเรียนสำคัญที่เปิดโอกาสให้สังคมไทยได้ทบทวนกติกาแห่งความปลอดภัย และร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ที่รับผิดชอบ เพื่อให้ทุกชีวิตบนท้องถนนได้รับการปกป้องอย่างเท่าเทียม

  • กรมอนามัยชูแนวคิดวิถีชีวิตสุขภาวะ จัดงานใหญ่ Lifestyle for Well-being in the Future

  • กรมวิทย์ ชู “สเปรย์น้ำกระท่อม” ลดปวด คาดจำหน่ายปี 69 พร้อมวิจัยยาทดแทนมอร์ฟีนในอนาคต

Fun Database © 2025 - Designed By SS1 Powered by SUMONE