เผยสาเหตุที่อาจทำให้ “ถ่ายบ่อย” กว่าปกติ
เคยสงสัยไหมว่าบางคนหลังจากกินอาหารได้ไม่นาน แล้วมีอาการอยากจะขับถ่ายทันที ซึ่งสำหรับคนที่กินปุ๊บถ่ายปั๊บ อาจเกิดกับการที่ไวต่ออาหารบางชนิด เช่น น้ำส้มสายชู กาแฟ ของเผ็ด มัน หรือผลไม้บางชนิด แตกต่างกันไปแต่ละราย เมื่ออาหารดังกล่าวตกถึงกระเพาะก็จะกระตุ้นให้เกิดกระแสประสาทวิ่งตรงไปลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดอาการปวดท้องและอยากจะขับถ่ายทันที แถมยังเสี่ยงจะเป็นโรคลำไส้แปรปรวนอีกด้วย
การดูแลรักษาเบื้องต้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มันจัด เช่น หนังเป็ด หนังไก่ นม ครีม เนย น้ำนม ในปริมาณมาก ควรรับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะ และผสมผสานหลายๆ หมู่อาหาร อาหารที่มีกากหรือเส้นใยจะช่วยให้ลำไส้บีบตัวได้ดี ซึ่งกากหรือเส้นใยยังช่วยดูดน้ำไว้ในอุจจาระ ทำให้อุจจาระไม่แข็งและถ่ายได้ง่ายขึ้น แต่ควรกินทีละน้อยแต่กินให้บ่อยขึ้น ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด กาแฟ ของดอง น้ำอัดลมและยาบางชนิด ซึ่งจะทำให้มีอาการมากขึ้นด้วย
6 เหตุผลที่อาจทำให้คุณถ่ายบ่อย
1. กินผักหรือผลไม้มากเป็นพิเศษ
2. ติดเชื้อ การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย สามารถทำให้คุณถ่ายอุจจาระมากกว่าปกติ และทำให้ท้องเสียได้
3. ออกกำลังกายมากขึ้น การออกกำลังกายจะไปเพิ่มการบีบตัวของกล้ามเนื้อในลำไส้ใหญ่ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแพทย์มักแนะนำให้คนที่ท้องผูกออกกำลังกายมากขึ้น
4. ลำไส้แปรปรวน เป็นโรคที่พบได้ทั่วไป ซึ่งผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บท้อง มีก๊าซ ปวดท้องเกร็ง และอาจขับถ่ายบ่อยครั้ง ทั้งนี้ผู้ป่วยส่วนมากจะรู้สึกปวดที่ช่องท้องในทันที และจะปวดท้องเกร็งร่วมกับมีอาการท้องผูกหรือท้องเสีย
5. ความเครียด มีส่วนที่ส่งผลต่อบางระบบในร่างกาย ซึ่งมีบางคนพบว่าความเครียด เป็นตัวการที่ทำให้ถ่ายมากขึ้น นอกจากนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่พบว่า ตัวเองถ่ายอุจจาระเหลวกว่าเดิมเมื่อรู้สึกเครียด
6. ใกล้มีประจำเดือน มีผู้หญิงหลายคนที่อยู่ในช่วงใกล้มีประจำเดือนพบว่า ตัวเองถ่ายเหลวหรือถ่ายบ่อยกว่าปกติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ปกติ เพราะมันเกิดจากความผันผวนของฮอร์โมนในช่วงรอบเดือนนั่นเอง