ช่วยคนไทยไร้สิทธิตรวจ DNA ยืนยันสถานะ ทำ “บัตร ปชช.” เพื่อเข้าถึงสวัสดิการสุขภาพ
ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง อ.เมือง จ.นครพนม จับมือภาคีเครือข่าย ช่วย “คนไทยไร้สิทธิ” ได้ตรวจ DNA ยืนยันสถานะทางทะเบียน ทำ “บัตรประชาชน” เพื่อเข้าถึงสิทธิสวัสดิการสุขภาพได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่าน “ระบบบัตรทอง” ตามนโยบายรัฐบาล
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 68 พญ.อรวรรณ นิมิตรวงศ์สกุล ผู้อำนวยการกลุ่มจังหวัดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 8 อุดรธานี พร้อมด้วย นายวันชัย นักบุญ ประธานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง อ.เมือง จ.นครพนม และคณะ ลงพื้นที่ไปยัง อ.เมือง และ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เพื่อติดตามช่วยเหลือคนไทยที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนให้มีบัตรประชาชน เพิ่มการเข้าถึงสิทธิทางสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ที่ดำเนินการผ่านความร่วมมือจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนที่บูรณาการร่วมกัน เช่น ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง อ.เมือง จ.นครพนม สมาคมคนพิการจังหวัดนครพนม เทศบาลเมืองนครพนม โรงพยาบาลนครพนม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.)
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวใน จ.นครพนม เป็นการนำร่องก่อนจะขยายให้ครอบคลุมครบทั้ง 7 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 8 ได้แก่ บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม และสกลนคร ภายใต้การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง 11 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาผู้มีสิทธิสถานะทางทะเบียน และกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงสิทธิบัตรทอง
ทั้งนี้ 11 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานจังหวัดนครพนม คณะสงฆ์จังหวัดนครพนม สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครพนม โรงพยาบาลนครพนม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พม. องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม (อบจ.นครพนม) เทศบาลเมืองนครพนม ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง อ.เมือง จ.นครพนม สปสช. และ สปสช. เขต 8 อุดรธานี
นายวันชัย นักบุญ ประธานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง อ.เมือง จ.นครพนม เปิดเผยว่า หลังจากที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง อ.เมือง จ.นครพนม ได้รับนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้มีปัญหาสถานะทางทะเบียนจากอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ เขต 8 อุดรธานี (อปสข. เขต 8 อุดรธานี) ก็ได้เริ่มดำเนินการทันที โดยประสานการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เช่น สมาคมคนพิการจังหวัดนครพนม โรงพยาบาลนครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ฯลฯ เพื่อค้นหาผู้ที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนในพื้นที่ทั้งในเชิงรับและเชิงรุก
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการค้นพบผู้ที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนแล้ว 14 คน และได้ดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบของ มท. โดยนำเอกสารหลักฐานการยืนยันตัวตนไปให้กับสำนักทะเบียนของ อปท. ในแต่ละพื้นที่ และบางรายที่เอกสารหลักฐานไม่เพียงพอสำหรับยืนยันสถานะทางทะเบียน ก็ได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอตรวจสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อยืนยันสถานะทางทะเบียนแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างรอรับการตรวจสารพันธุกรรมที่โรงพยาบาลนครพนม ซึ่งจะเปิดหน่วยเก็บสิ่งส่งตรวจในวันที่ 31 ก.ค. 2568
สาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนบางส่วนใน จ.นครพนม มีปัญหาสถานะทางทะเบียน แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การขาดความรู้และไม่เห็นความสำคัญของการมีบัตรประชาชน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การรับสิทธิสวัสดิการจากรัฐ การที่ จ.นครพนม ตั้งอยู่ติดชายแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ทำให้มีการเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างประเทศ จนอาจเกิดปัญหาสถานะทางทะเบียน ซึ่งคาดว่ายังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการดูแล ศูนย์ฯ จะร่วมกับภาคีเครือข่ายในการค้นหาต่อไป เพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้รับสิทธิเหมือนคนไทยทั่วไป
“การมีเครือข่ายร่วมกันทำงานถือเป็นส่วนสำคัญมาก อย่าง 2 เคสที่มาดูในวันนี้ก็ค้นพบจากภาคีเครือข่าย คือทางสมาคมคนพิการฯ และฝ่ายสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาลนครพนม ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลพบจากผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องสิทธิการรักษา และไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงถึง 1.2 แสนบาทได้ ทางฝ่ายสังคมสงเคราะห์และศูนย์ฯ จึงร่วมกันดำเนินการช่วยเหลือ ก่อนจะพบว่าเป็นผู้ที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน และช่วยให้ได้รับสิทธิในระบบบัตรทองเพื่อเบิกค่ารักษาพยาบาล” นายวันชัย กล่าว
ด้าน นายนิวัติ เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่หลายภาคส่วนมาร่วมมือกัน เพราะที่ผ่านมาหากพบคนที่ไม่ได้รับสวัสดิการจากรัฐเนื่องจากปัญหาทางทะเบียน ทางเทศบาลจะสอบสวนข้อมูลภูมิหลังตั้งแต่เกิด เพื่อหาหลักฐานยืนยัน และให้ผู้นำชุมชนหรือผู้ใหญ่บ้านรับรอง ก่อนจะส่งไปตรวจ DNA โดยเทศบาลช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางด้วย โดยก่อนหน้านี้ต้องเดินทางไกลถึงโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลนครพนมจะสามารถเก็บสิ่งส่งตรวจ DNA ได้แล้วในเดือน ก.ค. 2568 พร้อมมีงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ
นายนิวัติ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้ทางเทศบาลจะนำเคสที่ได้รับการตรวจยืนยันแล้วเป็นกรณีศึกษา และเดินหน้าตรวจสอบเชิงลึกในพื้นที่ว่ายังมีผู้ที่เป็นคนไทยแต่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนจนไม่มีสิทธิเข้าถึงสวัสดิการ เพื่อคืนสิทธิให้กับเขาในฐานะประชาชนไทยคนหนึ่ง
“ต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกัน ทั้ง สปสช. ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง โรงพยาบาลนครพนม การตรวจยืนยันสถานะทางทะเบียน ไม่สำคัญว่าเขาเป็นคนที่ไหน ขอแค่เป็นคนไทย ก็ต้องมีสิทธิ คนไทยต้องมีสิทธิ ไม่ว่าจะยากดีมีจน อยู่ไกลหุบเขาลำห้วย ก็ต้องเข้าถึงสวัสดิการอย่างเท่าเทียม” นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม กล่าว
ขณะที่ ดร.นิติเวช นนท์จันทร์ นายกเทศมนตรีตำบลสามผง กล่าวว่า ขณะนี้ทางเทศบาลกำลังสำรวจพื้นที่ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน เพื่อตรวจสอบว่ามีผู้มีปัญหาสถานะทางทะเบียนอีกกี่ราย เพื่อช่วยให้มีบัตรประชาชนและเข้าถึงสิทธิสวัสดิการจากรัฐ เพราะผู้ที่มีปัญหามักเป็นผู้มีรายได้น้อย การไม่สามารถเข้าถึงสิทธิจะยิ่ง ทำให้เขาเกิดความลำบากมากยิ่งขึ้น
“ทางเทศบาลมีบทบาทในส่วนของการค้นหาผู้ที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนในพื้นที่ รวมถึงการดำเนินการยืนยันสถานะของผู้ที่มีปัญหา พร้อมประสานงานกับ รพ.สต. และโรงพยาบาลนครพนม ในกรณีที่ต้องตรวจสารพันธุกรรมเพื่อยืนยันสถานะ” ดร.นิติเวช กล่าวเสริม
อนึ่ง การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการติดตามผู้มีปัญหาสถานะทางทะเบียน 2 ราย ได้แก่ น.ส.วาสนา ใจหาญ อายุ 39 ปี อาศัยอยู่ที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม และ นางคำปอง ฝ่ายทะแสง อายุ 46 ปี อาศัยอยู่ที่ ต.สามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ซึ่งทั้ง 2 คนได้ยื่นคำร้องขอตรวจ DNA แล้ว และอยู่ระหว่างรอรับการตรวจที่โรงพยาบาลนครพนม
หลังจากโรงพยาบาลเก็บสิ่งส่งตรวจแล้ว จะส่งต่อไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม โดยใช้เวลาประมาณ 30 วันในการทราบผล ซึ่งหากได้รับการยืนยัน ทั้งสองคนจะเข้าสู่กระบวนการทำบัตรประชาชน และลงทะเบียนสิทธิรักษาในระบบบัตรทองต่อไป