รพ.จุฬาภรณ์เผยแนวทางรักษาเมื่อป่วย ‘โรคไวรัสตับอักเสบบี’ รักษาหายขาดหรือทานยาตลอดชีวิต
ทีมแพทย์ รพ.จุฬาภรณ์เผยแนวทางรักษาเมื่อป่วย ‘โรคไวรัสตับอักเสบบี’ รักษาหายขาด หรือทานยาตลอดชีวิต ส่วนมะเร็งตับ มีทั้งการให้ยา ผ่าตัด และการฉีดสารเภสัชรังสี
ตามที่แพทย์รพ.จุฬาภรณ์ เผยข้อมูลโรคไวรัสตับอักเสบบี อันตรายเสี่ยงมะเร็งตับ พร้อมชวนผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 คัดกรองโรคไวรัสตับอักเสบบี เหตุเป็นกลุ่มไม่ได้รับวัคซีนพื้นฐาน ตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกัน ย้ำฉีดวัคซีนครบโดส มีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต
เกิดคำถามว่า ผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีแล้วจะมีแนวทางการรักษาอย่างไร หากพบก้อนเนื้อ และเสี่ยงเป็นมะเร็งตับจะทำอย่างไรต่อไป
การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบี
นพ.สพล วิวัฒน์พัฒนกุล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ให้ความรู้ว่า กรณีตรวจพบว่าเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ ผู้ป่วยจะได้รับยาต้านไวรัสเฉพาะผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้เท่านั้น โดยแบ่งผู้ป่วยเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีฉับพลัน ส่วนใหญ่กลุ่มนี้ภูมิคุ้มกันร่างกายมักต่อสู้เชื้อโรคมีโอกาสที่หายเองได้มากกว่ากลุ่มเรื้อรัง เกณฑ์การให้ยาในผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงจะให้เมื่อมีอาการรุนแรงมาก โดยประเมินจากอาการร่วมกับผลเลือด กลุ่มสอง ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง กลุ่มสาม กลุ่มผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง
ข้อบ่งชี้พิเศษ สำหรับการติดเชื้อไวรัสจะหายขาดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเป็น “ไวรัสระยะเฉียบพลัน” พบในผู้ที่เพิ่งติดเชื้อใหม่ 80–90% ของผู้ติดเชื้อสามารถหายได้เอง หลังหายแล้วร่างกายจะมีภูมิคุ้มกัน “การติดเชื้อแบบเรื้อรัง” เป็นระยะที่พบเยอะที่สุด ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน อย่างไรก็สามารถควบคุมโรคได้ ด้วยการกินยาต้านไวรัสเมื่อมีข้อบ่งชี้ ส่วนการติดเชื้อไวรัสไม่จำเป็นต้องเป็นมะเร็งตับทุกคน แต่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า ดังนั้น ต้องมีการคัดกรองมะเร็งตับ คือ การตรวจหามะเร็งตับตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ด้วยวิธีมาตรฐาน คือการทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบนเพื่อดูตับทุก 6 เดือน บางครั้งอาจจะทำการตรวจเลือดดูสารบ่งชี้มะเร็งตับ หรือ ค่า AFP ร่วมด้วย
“สรุปง่ายๆ หากป่วยเป็นกลุ่มเรื้อรัง ต้องกินยาระยะยาวเป็นปี แต่หากเป็นชนิดฉันพลัน 80-90% หายได้เองไม่ต้องใช้ยา แต่การหายได้เองนั้นไม่ 100% เพราะหากในอนาคตต้องรับยาเคมีหนักๆ อาจทำให้ติดเชื้อได้อีก จึงต้องบอกประวัติแก่แพทย์ทุกครั้ง ส่วนชนิดเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ แต่การกินยาจำเป็นเพื่อลดโอกาสตับเสื่อม และลดความเสี่ยงเกิดมะเร็งตับในอนาคต แต่ดีที่สุดคือการป้องกันด้วยวัคซีน”
ด้าน นพ.สพล เทพวิวัฒน์จิต แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวถึงการคัดกรองโรค ว่า สามารถทำได้ด้วยการทำอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบนหรือการเจาะเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง AFP ซึ่งต้องตรวจคัดกรองทุก 6 เดือน โดยข้อบ่งชี้ คือ คนไข้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ผู้ชายอายุเกิน 40 ปี ผู้หญิงเกิน 50 ปีหรือมีญาติสายตรงมะเร็งตับ ส่วนอีกข้อบ่งชี้คือคนไข้ที่เป็นตับแข็งหรือพังผืดรุนแรงจะทุบสาเหตุทั้งไวรัสตับอักเสบบีหรือไขมันพอกตับหรือแอลกอฮอล์