รู้แล้วป้องกัน! 6 โรคอันตรายที่มากับ “น้ำท่วม”
เพราะช่วงนี้ฝนตกหนักน้ำจึงท่วมหลายพื้นที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันไปหมด แถมนอกจากเสียทรัพย์สินแล้วบางทียังเสียสุขภาพอีกด้วยเพราะจะมีโรคยอดฮิตที่มาพร้อมกับน้ำท่วมอยู่เสมอ วันนี้เรานำ 6 โรคอันตรายที่มากับ “น้ำท่วม” มาฝาก เพื่อว่าจะได้ป้องกันแต่เนิ่นๆ
1. โรคฉี่หนู โรคยอดฮิตสำหรับฤดูฝนและเหตุการณ์น้ำท่วมที่มีน้ำขัง สาเหตุมาจากฉี่ของสัตว์ โดยเฉพาะหนูปะปนมากับน้ำและเข้าร่างกายเราผ่านแผลหรือรอยถลอกของเรา ทำให้ปวดหัวและเป็นไข้หนักได้เลย
วิธีป้องกัน: ไม่ลงไปย่ำในแหล่งน้ำ ถ้าจำเป็นต้องล้างเท้าทำความสะอาดทุกครั้งหลังขึ้นมา
2. ท้องร่วง รู้กันดีว่าปัญหาน้ำท่วมทำให้การเดินทางลำบากมากขึ้น ยิ่งปัญหาเกิดนานขึ้น ปัญหาเรื่องอาหารการกินก็จะตามมา ซึ่งรวมถึงความสะอาดและคุณภาพอาหารเช่นกัน โรคนี้จึงมักพบบ่อยในเหตุการณ์นี้ เนื่องจากการอุปโภคบริโภคน้ำที่ไม่สะอาด
วิธีป้องกัน: ดื่มน้ำสะอาดในขวดที่บรรจุมิดชิด ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องต้มฆ่าเชื้อก่อนทุกครั้ง
3. น้ำกัดเท้า โรคน้ำกัดเท้าหรือฮ่องกงฟุต เป็นอันตรายอีกอย่างที่จะมาพร้อมกับความชื้นของน้ำที่ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี เท้าที่ไม่สะอาดของเราจะเป็นที่อยู่สุดเพอร์เฟกต์สำหรับเชื้อราและเกิดการหมักหมมในที่สุด
วิธีป้องกัน: หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ หากจำเป็นต้องเช็ดให้แห้งรวมถึงรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลา
4.ไข้เลือดออก เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม น้ำที่ขังอยู่รอบๆ บริเวณที่พักเราจะเป็นแหล่งฟักชั้นดีของลูกน้ำยุงลาย ทำให้มียุงเกิดขึ้นจำนวนมากซึ่งจะรวมถึงโอกาสการเกิดโรคไข้เลือดออกเช่นเดียวกัน
วิธีป้องกัน: แก้ต้นเหตุคงยาก เพราะฉะนั้นต้องทายากันยุงทุกครั้ง อย่าพยายามให้ยุงกัดได้ตลอดเวลา รวมถึงเวลานอนก็ควรกางมุ้งเพื่อป้องกันภัยร้ายที่เข้ามาฝากโรคโดยไม่รู้ตัว
5. โรคเครียด เมื่อเกิดความเสียหายใครจะไม่เครียดบ้าง แต่ละคนอาจจะเครียดมากเครียดน้อยไม่เท่ากันแล้วแต่ปัจจัย รวมถึงความท้อแท้ เหนื่อยหน่ายกับการต่อสู้วิกฤตที่เกิดขึ้นจนอารมณ์ของเราค่อยๆ ก่อตัวเป็นโรคทางจิตใจได้เหมือนกัน
วิธีป้องกัน: ต้องทำใจ ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้มีสติ เรียงลำดับความสำคัญที่จะแก้ไขในอนาคต รวมถึงคนรอบข้างก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะหากจะผ่านไปให้ได้ก็ต้องช่วยเหลือให้กลับมามีความหวังด้วยกันเสมอ
6. โควิด-19 ทุกคนต่างรู้ดีถึงความน่ากลัวโรคติดต่อนี้ ด้วยภาวะน้ำท่วมทำให้การเว้นระยะห่างลดลง เกิดการติดต่อง่ายกว่าเก่า และในสถานการณ์ที่ไม่แน่ใจว่าใครมีเชื้อดังกล่าว รวมถึงหน่วยงานยังไม่มีการคัดกรองที่ชัดเจน ก็ต้องเว้นระยะห่างเท่าที่ทำได้และเฝ้าระวังต่อไป
วิธีป้องกัน: หากต้องอยู่กับที่เราไม่มั่นใจควรเว้นระยะห่างให้ได้มากที่สุดอย่างน้อยก็ตามระยะเวลา 14 วันเพื่อให้เกิดความมั่นใจ และอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาพบปะกับคนอื่น