เลิศมาก! 4 วิธีลด “เหนียง” คาง 2 ชั้นจากน้ำหนักเกิน-อายุมากขึ้น
เหนียง อาจเกิดจากไขมันสะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนังมากเกินไป เกิดได้ทั้งชายและหญิง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการรับประทานอาหารมีไขมันสูงเป็นประจำ การไม่ค่อยออกกำลังกาย โรคอ้วน ภาวะน้ำหนักเกิน หรือแม้แต่อายุมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ เหนียงอาจเกิดจากพันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีผิวหนังที่มียืดหยุ่นน้อย ผิวหนังไม่เต่งตึง ก็อาจส่งผลให้มีเหนียงมากกว่าปกติได้ วันนี้เราเลยอยากแนะนำ4 วิธีลดเหนียงคาง 2 ชั้นที่ลดได้แน่นอนมาให้ลองเลือกทำดู
วิธีลดเหนียงคาง 2 ชั้น
– การทำท่าบริหารใบหน้าเป็นประจำทุกวัน โดยท่าที่อาจช่วยลดเหนียงได้ เช่น
– ท่าแลบลิ้น เริ่มจากมองตรงแล้วแลบลิ้นออกมาให้สุด พยายามให้ลิ้นแตะจมูก ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง/รอบ
– ท่าจูบท้องฟ้า เงยหน้ามองเพดานจนรู้สึกตึงบริเวณใต้คางและลำคอ แล้วทำปากจู๋คล้ายจูบ ค้างไว้ประมาณ 5-20 วินาที ทำซ้ำประมาณ 10-20 ครั้ง/รอบ
–ท่าคางกดลูกบอล นำลูกบอลที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 9-10 นิ้ววางไว้ใต้คาง แล้วใช้คางกดลูกบอล ทำประมาณ 25-30 ครั้ง/รอบ
– การควบคุมอาหารโดยการรับประทานผักผลไม้ให้หลากหลายเป็นประจำ เลือกรับประทานเนื้อสัตว์มันน้อยหรือไร้ไขมัน และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ของมัน ของทอด เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้ ทั้งนี้ ควรรับประทานอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ให้ได้พลังงานไม่น้อยกว่า 1,200 กิโลแคลอรี่/วัน และจำกัดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อให้มีสัดส่วนตามหลักโภชนาการ
– การดูดไขมันคุณหมอจะใช้เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายท่อยาวสอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกมา หรืออาจใช้ความร้อนเพื่อละลายไขมันและปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น ซึ่งอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น บวม เขียวช้ำ เจ็บปวดบริเวณแผล
– การฉีดเมโสแฟตเป็นวิธีลดเหนียงด้วยการฉีดสารละลายไขมัน หรือกรดดีออกซีโคลิก (Deoxycholic Acid) ปริมาณเล็กน้อยในบริเวณใต้คางเพื่อสลายไขมัน ซึ่งอาจจะต้องฉีด 20 เข็มขึ้นไป และอาจใช้เวลารักษานานกว่า 6 เดือนถึงจะเห็นผล ทั้งนี้ การฉีดเมโสแฟตต้องทำโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะหากฉีดกรดดีออกซีโคลิกไม่ถูกวิธีอาจส่งผลต่อเส้นประสาทได้ ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ทั่วไป เช่น บวม ช้ำ ชา มีรอยแดงบริเวณที่ฉีด