สธ.เผยเหตุโกดังพลุระเบิดเสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บ 108 ราย สั่งทีมดูแลเยียวยาจิตใจ เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพจากสารเคมี
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย รองนายกฯ และรมว.สธ. กำชับดูแลผู้ได้รับผลกระทบเหตุระเบิดโกดังเก็บพลุ ตลาดมูโนะ จ.นราธิวาส ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บ 108 ราย กลับบ้านได้แล้ว 98 ราย นอนรักษาในรพ. 10 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลบริเวณศีรษะ ใบหน้าและร่างกายจากแรงระเบิด ส่วนรพ.สต.มูโนะ บ้านพักเจ้าหน้าที่และ อสม.ได้รับความเสียหายด้วย ด้านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสระดมทีม MCATT ในจังหวัดลงพื้นที่ดูแลจิตใจประชาชน
วันที่ 30 ก.ค. 66 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเหตุโกดังเก็บพลุระเบิด ที่ตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และกำชับให้การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งด้านร่างกายและสุขภาพจิต โดยเช้านี้ ได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 12 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 108 ราย รพ.สต.ทั้ง 4 แห่งใน อ.สุไหงโก-ลก ได้ให้การดูแลเบื้องต้นในชุมชนที่เกิดเหตุ ก่อนนำส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ซึ่งแพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว 98 ราย ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล 10 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 6 ราย และเด็ก 2 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลตามศีรษะ ใบหน้า และร่างกาย อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนความเสียหายทางทรัพย์สิน นอกจากบ้านเรือนประชาชน และหน่วยงานราชการ ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล สถานีตำรวจ โรงเรียน ยังมี รพ.สต.มูโนะ บ้านพักเจ้าหน้าที่ รพ.สต.มูโนะ จำนวน 1 หลัง และบ้าน อสม. อีก 5 หลัง ได้รับความเสียหายด้วย
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ในวันนี้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการให้ทีม MCATT จากทั้ง 13 อำเภอ ลงพื้นที่เฝ้าระวัง ติดตามเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ และจัดหน่วยปฐมพยาบาลคัดกรองบาดแผลเพื่อประเมินส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาลต่อไป พร้อมทั้งจัดเตรียมจุดดูแลผู้ป่วยเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบ และจัดทีมเฝ้าระวังปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดจากสารเคมี ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง หู ตา จมูก ระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร รวมถึงเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้ของดินปืนด้วย ทั้งนี้ การดำเนินการช่วยเหลือประชาชนด้านสุขภาพ หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ยังสามารถบริหารจัดการได้ แต่ได้ให้หน่วยงานส่วนกลางติดตามสถานการณ์และเตรียมการช่วยเหลือหากได้รับการประสานแล้ว