“หอยแมลงภู่” ข้อดีและสิ่งที่ต้องระวัง
“หอยแมลงภู่” เป็นอาหารทะเลที่นิยมนำไปลวกรับประทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด ด้วยความหวานที่เป็นธรรมชาติและความแน่นเต็มคำของเนื้อหอยจึงเป็นที่ถูกใจในหลายๆ คน ยิ่งไปกว่านั้นยังราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับหอยแครงหรือหอยลาย วันนี้เรามาพูดถึงประโยชน์ดีๆ และข้อควรระวังจากหอยแมลงภู่กัน
ประโยชน์จากหอยแมลงภู่
– อุดมไปด้วยโปรตีน ช่วยส่งเสริมสุขภาพกล้ามเนื้อ และระบบภูมิคุ้มกัน
– มีกรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยลดความดันโลหิต ช่วยให้เลือดไหลเวียนเป็นปกติ และช่วยให้หัวใจเต้นอย่างสม่ำเสมอ
– อุดมไปด้วยเหล็กและวิตามินบีรวม ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน ป้องกันโรคโลหิตจาง
– มีแคลอรีต่ำเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
– เนื่องจากมีวิตามินบี จึงช่วยป้องกันโรคเหน็บชา
– เพิ่มคอลาเจนให้ร่างกาย ทำให้ผิวพรรณอ่อนกว่าวัย
– หอยแมลงภู่จะมีสาร เบต้า แคโรทีน จึงช่วยบำรุงสายตาและป้องกันมะเร็งบางชนิด
กินหอยแมลงภู่อย่างไรให้ปลอดภัย
– งดรับประทานหอยแมลงภู่ในช่วงหน้าร้อน หน้าร้อนจะเป็นช่วงที่แพลงตอนพิษเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยหอยแมลงภู่จะกินแพลงตอนและสาหร่ายเป็นอาหาร ซึ่งในช่วงฤดูร้อนนี้หอยแมลงภู่จะสะสมสารพิษในร่างกายค่อนข้างมาก
– เลือกซื้อหอยแมลงภู่จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เนื่องจากหอยแมลงภู่สามารถเจริญเติบโตได้แม้บริเวณที่มันอาศัยอยู่จะมีสิ่งแปลกปลอมเช่น สารเคมีจากโรงงานหรือบริเวณน้ำตื้นที่มีสิ่งปฏิกูลค่อนข้างมาก ดังนั้นการเลือกซื้อหอยแมลงภู่ควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่ไว้ใจได้ มีการเลี้ยงหอยในแหล่งน้ำที่สะอาดหรือที่ได้รับการรองรับจากกรมประมง
– ทำความสะอาดหอยให้ดีก่อนนำไปประกอบอาหาร โดยปกติหอยแมลงภู่จะมีอวัยวะที่เรียกว่า ‘หนวดหอย’ โดยอวัยวะนี้จะทำหน้าที่ดักจับสิ่งปฏิกูลและสารพิษ ดังนั้นก่อนนำไปปรุงควรดึงออกให้เรียบร้อย
– ให้ความร้อนทุกครั้งก่อนรับประทาน โดยปกติหอยแมลงภู่ไม่นิยมนำมารับประทาสดอยู่แล้ว แต่บางรายมักจะลวกหรือนึ่งไม่นานเพราะกลัวหอยจะลีบ แต่ในความเป็นจริงการปรุงหอยแมลงภู่ให้ปราศจากสารพิษนั้น ควรให้ความร้อน 5-7 นาทีในกรณีนึ่งและใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-5 นาทีในกรณีลวกด้วยน้ำร้อน
ข้อควรระวังในการบริโภคหอยแมลงภู่
– โรคภูมิแพ้ หอยแมลงภู่เป็นสารก่อภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง ดังนั้น ผู้ที่มีอาการแพ้หอยควรหลีกเลี่ยงการรับประทานหอยทุกชนิด เพื่อป้องกันอาการของโรคภูมิแพ้กำเริบ และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
– อาจเสี่ยงในการปนเปื้อนเชื้อโรค ควรรับประทานหอยแมลงภู่ที่ผ่านการปรุงสุก เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับหอย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคมะเร็ง
– อาจปนเปื้อนสารปรอท หอยแมลงภู่เป็นอาหารทะเลที่อาจมีการปนเปื้อนของสารปรอท จึงควรรับประทานไม่เกิน 340 กรัม/สัปดาห์ เพื่อป้องกันร่างกายได้รับสารปรอทมากเกินไป จนอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น หายใจลำบาก ปอดอักเสบ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย