1. กินคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลง
การกินแป้งและน้ำตาลให้น้อยลง มีส่วนช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายได้มากขึ้น เพราะเมื่อเรากินแป้งและน้ำตาลเข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะเลือกแป้งและน้ำตาลที่เราเพิ่งกินเข้าไป นำไปเผาผลาญเป็นพลังงานที่ใช้ในวันนั้นๆ ก่อน หากเรากินแป้งและน้ำตาลมากเกินความจำเป็นต่อร่างกาย เมื่อร่างกายมีแป้งและน้ำตาลที่เหลือจากการเผาผลาญในวันนั้นๆ ไม่หมด แป้งและน้ำตาลส่วนที่เหลือจึงถูกดึงไปเป็นพลังงานสะสมอยู่ในร่างกาย เป็นพลังงานสำรอง ซึ่งอยู่ในรูปแบบของ “ไขมันสะสม” นั่นเอง

2. กินโปรตีน-ไขมันดีให้เพียงพอ
ร่างกายของเราต้องการโปรตีนในแต่ละวันอย่างน้อย 1-1.2 กรัมต่อวัน ถ้าน้อยกว่านี้อาจเสี่ยงภาวะกล้ามเนื้อสลายได้ นอกจากนี้ยังควรกินไขมันดีให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยกินอย่างน้อย 60-70% หรือหากกำลังกินอาหาร 2,000 kcal ก็ควรกินไขมัน 1,200-1,400 kcal และควรเป็นไขมันที่มาจากธรรมชาติเท่านั้น

3. กินเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเวลา
นอกจากเราจะลองปรับเปลี่ยนสิ่งที่เรากินดูแล้ว การเปลี่ยนเวลาในการกินก็เป็นอีกเคล็ดลับง่ายๆ ที่ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย นั่นคือการทำ IF (Intermittent Fasting) หรือการงดมื้ออาหารในระหว่างวันให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ให้ร่างกายหยุดกิน หยุดมีอาหารตกถึงท้องเป็นเวลาอย่างน้อย 12 ชั่วโมง แต่สูตรเวลาที่แนะนำคือ 16/8 หมายถึงกินอาหารได้ 8 ชม. แล้วอีก 16 ชม. คือห้ามกินอะไรที่ให้พลังงานแก่ร่างกายได้เลย

4. ดื่มน้ำเยอะๆ
การดื่มน้ำเยอะๆ ยังคงเป็นหลักการง่ายๆ ที่ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานและไขมันในร่างกายได้ดีขึ้น ดังนั้นการดื่มน้ำระหว่างวันเยอะๆ ยังคงสำคัญอยู่นั่นเอง