รู้ไว้เป็นเรื่องดี! วิธีรับมืออาการ “สำลัก”
“สำลัก” คืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมหล่นเข้าไปในช่องคอหรือหลอดลม ทำให้กีดขวางช่องทางการหายใจ ไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ เราทุกคนต่างเคยสำลักกันทั้งนั้น โดยปกติแล้วการสำลักนั้นเกิดขึ้นแค่ครู่เดียวและดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไร อย่างไรก็ตาม การสำลักอาจเป็นอันตรายและคุกคามขั้นรุนแรงถึงชีวิตได้
อาการสำลัก
อาการของคนสำลักที่สังเกตได้โดยทั่วไปนั้น มักจะใช้มือจับที่คอของตนเอง แต่หากผู้ที่สำลักไม่ได้ส่งสัญญาณดังกล่าว ให้สังเกตอาการต่อไปนี้
– หายใจไม่สะดวก หรือมีอาการหายใจแรงและเสียงดังผิดปกติ
– พูดคุยตอบสนองไม่ได้
– ไอแรงๆ ไม่ได้
– ผิวหนัง ริมฝีปาก และเล็บเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ เนื่องจากขาดออกซิเจน
– ขาดสติ ไม่รู้สึกตัว
วิธีการช่วยเหลือเบื้องต้น
วิธีการช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับเด็กทารก
หากสังเกตเห็นว่าอยู่ดีๆ เด็กมีอาการที่แปลกไปคือ ดูเจ็บปวดและหายใจเสียงดัง ร้องไห้หรือไอไม่ได้ บางครั้งก็ไม่สามารถส่งเสียงร้องหรือหายใจได้ นั่นอาจหมายความว่าเด็กกำลังมีอาการสำลัก สิ่งที่ต้องทำเมื่อเด็กสำลักคือ
– ตบหลัง นั่งลงและจับเด็กนอนคว่ำหน้าให้ขนานกับต้นขาและประคองหัวเด็กไว้ จากนั้นใช้สันมือตบเข้าไปแรง ๆ 5 ครั้ง ระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้างของเด็ก
– ตรวจเช็คดูในปากของเด็กว่ามีอะไรอยู่ไหม ถ้ามีให้รีบใช้ปลายนิ้วหยิบออก ควรระวังไม่ให้สิ่งที่ติดอยู่ในปากของเด็กไหลกลับเข้าไปในคออีก
– หากการช่วยเหลือด้วยการตบหลังยังไม่สามารถเอาสิ่งแปลกปลอมที่ขวางทางเดินลมหายใจของเด็กได้ ให้ใช้วิธีกดที่หน้าอกของเด็ก ด้วยการจับให้เด็กนอนหงายหน้าขึ้นขนานกับต้นขา จากนั้นใช้นิ้ว 2 นิ้วกดลงไปตรงกลางใต้ราวนมของเด็ก 5 ครั้ง ตรวจดูภายในปากของเด็กว่ามีอะไรหลุดออกมาหรือไม่ แล้วหยิบออกอย่างระมัดระวัง
– หากช่วยเหลือด้วยวิธีข้างต้นแล้วยังไม่ได้ผล ให้รีบโทรเรียกรถพยาบาล ระหว่างที่รอรถพยาบาลมาถึงนั้นให้ช่วยเหลือด้วยการตบหลังและกดหน้าอกสลับกัน จนกว่าสิ่งที่เข้าไปอุดตันทางเดินหายใจจะหลุดออกมาหรือรถพยาบาลมาถึง หากเด็กไม่หายใจให้เริ่มทำการกดหน้าอกหรือป้๊มหัวใจด้วยวิธีสำหรับเด็กทารก ซึ่งอาจทำให้สิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ในคอหลุดออกมาได้
วิธีการช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่
เมื่อสังเกตเห็นคนที่มีอาการสำลักให้พยายามกระตุ้นให้ผู้สำลักไอเพื่อให้สิ่งที่เข้าไปอุดตันทางเดินหายใจหลุดออกมาด้วยตัวเอง หากผู้สำลักไม่สามารถพูดคุย ร้อง หรือไอด้วยตัวเองได้ สามารถให้ความช่วยเหลือด้วยวิธีการดังนี้
– กระตุ้นให้ผู้ที่สำลักไอออกมา กรณีที่ผู้สำลักไม่สามารถไอให้สิ่งที่ติดอยู่ในคอหลุดออกมาเองได้ ให้่ช่วยประคองหน้าอกของผู้สำลัก แล้วเอียงตัวของผู้ที่สำลักไปด้านหน้า เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมที่ติดในคอหลุดออกมา
– หากการพยายามกระตุ้นให้ผู้สำลักไอด้วยตัวเองไม่ได้ผล ให้ประคองตัวผู้ที่สำลักโค้งไปทางด้านหน้า แล้วใช้สันมือตบเข้าไปแรง ๆ ระหว่างกระดูกสะบักทั้ง 2 ข้าง ควรทำซ้ำ 5 ครั้ง ตรวจสอบว่ามีอะไรหลุดออกมาหรือไม่ ถ้ามีให้รีบหยิบออก
– หากช่วยเหลือด้วยวิธีการตบหลังไม่ได้ผล ให้ยืนซ้อนหลังผู้สำลัก แล้วกดกระแทกที่ท้อง 5 ครั้ง โดยใช้แขนทั้ง 2 ข้าง โอบแนบกับผู้ที่สำลักเหนือสะดือ แต่ให้ต่ำกว่าระดับหน้าอก แล้วกำมือเป็นกำปั้น จากนั้นให้ดึงกระแทกกำปั้นทั้ง 2 ข้างเข้าหาตัวและขึ้นทางด้านบนอย่างเร็วและแรง ห้ามใช้วิธีการกระแทกที่ท้องกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์
– หากยังสำลักอยู่ให้รีบโทรเรียกรถพยาบาล ระหว่างที่รอรถพยาบาลให้ตบหลัง และกระแทกที่ท้องซ้ำจนกว่าสิ่งที่ติดในช่องคอผู้สำลักจะหลุดออกมา หรือจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง กรณีที่ผู้ที่สำลักหมดสติไป ให้ตรวจดูว่าเขายังหายใจอยู่ไหม หากไม่หายใจ ให้เริ่มทำการกดหน้าอกหรือป้๊มหัวใจซึ่งการปั๊มหัวใจนั้นอาจทำให้สิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ในคอหลุดออกมาได้
การปฐมพยาบาลหากตัวเองสำลัก
เมื่อคุณพบว่าตัวเองสำลัก ควรรีบโทรแจ้งหน่วยพยาบาลฉุกเฉินในทันที และหากในบริเวณโดยรอบไม่มีใครที่สามารถให้การช่วยเหลือคุณได้อย่างทันท่วงที คุณสามารถทำการรัดกระตุกหน้าท้องตัวเองได้ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
– กำหมัดให้แน่น แล้ววางไว้บนหน้าท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ เหนือสะดือเล็กน้อย
– เอามืออีกข้างมากุมกับมือนั้น หาขอบโต๊ะ เคาน์เตอร์ หรือพนักเก้าอี้ เอียงตัวพิงไปข้างหน้า ดันขอบใส่หน้าท้องตัวเองแรงๆ พร้อมกับกดมือกระทุ้งท้อง ดันมือที่กำอยู่ให้กดลงในท้องและเฉียงขึ้นบน จนกว่าเศษอาหารจะหลุดออกมา