เลขาฯ สมช. ลั่นเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องมั่นใจไม่เกิดวิกฤตซ้ำ เร่งถกให้เสร็จ 1 ต.ค.นี้
จากกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการพิจารณาเรื่องขยายเวลาประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ จะขยายเวลาต่อหรือไม่ เป็นอำนาจของสมช.และกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา นั้น
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 19 ส.ค. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค. ได้อนุมัติแผนให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ส่วนจะต้องยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อ สภาพความเป็นอยู่ โดยจะมีการพิจารณาอีกครั้งในการประชุมศบค.ครั้งหน้า คาดว่าจะอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนก.ย.นี้
เมื่อถามถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ที่จะไม่ต่อขยายพ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ที่จริงแล้ว พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในทางอื่น หากไม่ติดใจในประเด็นการเมืองถือว่ามีข้อดีมาก เพราะเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น สามารถเข้าไปจัดการได้เรียบร้อยทั้งหมด สำหรับการพิจารณาจะยกเลิกต้องประเมินความเสี่ยงและแผนที่จะรองรับ และดูว่าพ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับเดิม เพียงพอหรือไม่ และต้องมั่นใจว่าจะไม่เกิดวิกฤตและความเสียหายในมิติต่างๆ เกิดขึ้นอีก หรือหากเกิดขึ้นต้องแก้ไขได้ทันท่วงที ทั้งนี้จะประเมินทุกอย่างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้
เมื่อถามว่าหากไม่มีการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และศบค.ต้องพ้นไปด้วย จะมีแผนรองรับอย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า หากไม่ต่อพ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ศบค.จะถูกยุบอย่างแน่นอน เนื่องจากเกิดมาด้วยอำนาจของพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขณะที่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินงาน และสามารถมอบให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการเหตุการณ์ หลังจากนั้นจะให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รายงานการดำเนินการให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบ
“หากศบค.ถูกยุบลง สมช.จะถอนบทบาทกลับมาดูในมิติความมั่นคง แต่อาจจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งขึ้น หรืออาจเป็นหน่วย EOC” พล.อ.สุพจน์ กล่าว