คิกออฟฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1 ล้านโดสใน 100 วัน
รมว.สาธารณสุข คิกออฟฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1 ล้านโดส ใน 100 วันให้หญิงไทยอายุ 11 – 20 ปี ตามนโยบายมะเร็งครบวงจร นำร่องที่โรงเรียนไทรน้อย จ.นนทบุรี พร้อมกันทั่วประเทศ ส่วนผู้หญิงที่เป็นนักศึกษาและบุคคลทั่วไปเริ่มธันวาคมนี้
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่โรงเรียนไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข Dr.Jos Vandelaer ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันเปิดกิจกรรมความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจร Kick Off การรณรงค์สร้างภูมิ HPV นักเรียนไทยสุขภาพดี ปลอดมะเร็ง “Save Our Children by 1 Million HPV Vaccines” โดยมีบุคลากรจากรพ.ไทรน้อยมาให้บริการฉีดวัคซีนเด็กนักเรียนจำนวน 600-700 คน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2567 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” ที่ครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และดูแลฟื้นฟูกายใจ โดยเฉพาะมะเร็งที่เป็นปัญหาสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันและตรวจคัดกรองความเสี่ยงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง การตรวจปัสสาวะเพื่อคัดกรองโรคพยาธิใบไม้ตับ การอัลตราซาวด์คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี และการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งตับ เป็นต้น
โดยการขับเคลื่อน Quick Win 100 วันแรก จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ในหญิงไทยอายุ 11-20 ปี จำนวน 1 ล้านโดส เริ่มคิกออฟสำหรับนักเรียนหญิงในสถานศึกษาพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนในกลุ่มนักเรียน ให้มีภูมิคุ้มกัน ลดอาการป่วย และการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในอนาคต สำหรับนักศึกษาและบุคคลทั่วไปสามารถรับวัคซีน HPV ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เพื่อป้องกันมะเร็งในสตรีไทย ตามสโลแกน “สวย เริด เชิด สู้มะเร็ง” หรือ “Women Power No Cancer”
“ขอเชิญชวนหญิงไทยอายุตั้งแต่ 11 – 20 ปีทุกคน เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV และประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง เข้ารับการตรวจคัดกรอง เช่น คัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเองในประชาชนอายุ 30 ปีขึ้นไป การตรวจปัสสาวะหรืออัลตราซาวน์คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งหากพบว่าป่วยจะได้รับการรักษาทันท่วงที ช่วยลดการเสียชีวิต รวมถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกคนและปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ” นพ.ชลน่าน กล่าว
ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ประชากรสูญเสียการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยังส่งผลต่อระบบสาธารณสุข รวมถึงระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งต้องทำในทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกันโรค ตรวจคัดกรอง พัฒนาวิธีการรักษา และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองตามนโยบายมะเร็งครบวงจร
สำหรับการจัดกิจกรรมคิกออฟวันนี้ ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้บริการฉีดวัคซีน HPV สำหรับนักเรียน พร้อมให้ความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูก สำหรับประชาชนทั่วไป จะมีบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง ในสตรีอายุ 30-60 ปี บริการตรวจคัดกรองโรคพยาธิใบไม้ตับด้วยการตรวจปัสสาวะ และตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งท่อน้ำดีด้วยวิธีอัลตราซาวด์ โดยใช้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน รวมถึงมีบริการเอกซเรย์ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด และบริการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงบริการฉีดวัคซีนและตรวจคัดกรองมะเร็งได้สะดวกยิ่งขึ้น ถือเป็นตัวอย่างการดำเนินงานและการนำร่องให้บริการในชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการจัดคิกออฟฉีดวัคซีน HPV ใน 12 เขตสุขภาพ อย่างน้อยเขตสุขภาพละ 1 จังหวัดด้วย